ดัชนี SET Index หุ้นไทยปิดวันนี้ที่ 1,301.54 จุด ปรับร่วงลง 15.60 จุด หรือ -1.18% มูลค่าซื้อขาย 40,319.60 ล้านบาท การซื้อขายวันนี้ดัชนีปรับตัวลงแรง โดยทำจุดต่ำสุด 1,300.04 จุด และทำจุดสูงสุด 1,321.21 จุด
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 หลักทรัพย์
1. EA มูลค่าการซื้อขาย 2,292.45 ล้านบาท ปิดที่ 3.72 บาท ลดลง 1.33 บาท
2. KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,613.79 ล้านบาท ปิดที่ 17.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท
3. BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,609.61 ล้านบาท ปิดที่ 133.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลงแรงกลับไปใกล้แนวรับจิตวิทยาที่ 1,300 จุด จากแรงกดดันผลประกอบการกลุ่มแบงก์ไม่ได้โดดเด่น แม้ออกมาใกล้เคียงคาดแต่ยังคงตั้งสำรองสูง ทำให้เห็นสัญญาณความกังวล ส่งผลไปยังหุ้นกลุ่มอื่นๆ เช่น ไฟแนนซ์ อีกทั้งหุ้น EA ร่วงแรงสร้างความกังวลต่อตลาดหุ้นกู้ ส่งผลกระทบต่อหุ้นขนาดกลางและเล็กปรับตัวลงถ้วนหน้า
ขณะที่ตลาดฯ ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน และกองทุน Thai ESG ก็ยังไม่เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้
แนวโน้มพรุ่งนี้คาดตลาดแกว่งออกข้างรอปัจจัยต่าง ๆ แนะติดตามนายกรัฐมนตรีแถลงความชัดเจนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนประเด็นทางการเมืองศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีคุณสมบัตินายกฯ วันพรุ่งนี้คาดยังไม่ได้ข้อสรุป จึงเป็นประเด็น Overhang ตลาดหุ้นไทยต่อไป อีกทั้งต้องติดตามการทยอยประกาศงบเป็นปัจจัยใหญ่ถัดไปที่ตลาดจับตา หากงบ บจ.ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาดจะหนุน SET ฟื้นตัวได้
ส่วนปัจจัยต่างประเทศติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ทั้งดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI),ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย. และแนวโน้มการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นต้น โดยให้แนวรับไว้ที่ 1,290 จุด และแนวต้าน 1,315 จุด
ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงเกือบทั้งวันเนื่องจากหลายปัจจัยเข้ามากดดันตลาดโดยตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงกลางเดือนหน้าปัจจัยการเมืองในประเทศยังไม่นิ่งทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เพื่อลดความเสี่ยง ประกอบกับกังวลประเด็นหุ้นอีเอ ความไม่คืบหน้ากองทุน Thailand ESG Fund
ทั้งนี้ ประเมินว่า วันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) ดัชนีฯ มีแนวโน้มแกว่งในกรอบ 1,280-1,313 จุด