ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทยปิดวันนี้ที่ 1,328.41 จุด ปรับลง 9.91 จุด หรือ -0.74% ด้วยมูลค่าซื้อขาย45,540.12 ล้านบาท ดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,325.71 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,344.48 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 หลักทรัพย์ ได้แก่
1. AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,960.12 ล้านบาท ปิดที่ 61.75 บาท ลดลง 1.50 บาท
2. PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,014.43 ล้านบาท ปิดที่ 32.00 บาท ลดลง 0.75 บาท
3. DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,843.04 ล้านบาท ปิดที่ 75.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ดัชนี SET ภาคบ่ายปรับตัวลดลงกว่า 10 จุด หลุด Low เดิมที่ 1,330 จุด เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 67 โดยดัชนี SET วันนี้สวนทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยกดดันเฉพาะตัวจากความกังวลปัจจัยการเมืองไทยที่ยังรอความชัดเจน ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจจึงเลือกรขายลดความเสี่ยง โดยที่จะเห็นว่ามีปริมาณสถานะ short มากขึ้น เป็นปัจจัยกดดันดัชนี รวมถึงแรงขายหุ้นขนาดใหญ่เช่น AOT กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และแบงก์ ที่กดให้ดัชนีหลุดระดับ Low เดิมที่ 1,330 จุด และทำให้ภาพมีโอกาสไหลลงได้ต่อ
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงแรง ถือว่าแย่ที่สุดในภูมิภาค แม้มีแรงซื้อจากหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ช่วยประคองดัชนีไว้ระดับ แต่ไม่สามารถต้านทานแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ได้
ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากประเด็นที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่ารัฐบาลเตรียมเสนอชื่อ 2 บุคคลใกล้ชิดเป็นแคนดิเดต ประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ เนื่องจากนายปรเมธี วิมลศิริ อดีตเลขาธิการสภาพัฒน์จะครบวาระในเดือน ก.ย.หลังจากรัฐบาลและธปท.มีความขัดแย้งด้านนโยบายเศรษฐกิจ เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติต่อความเป็นอิสระของ ธปท. ทำให้ภาพการลงทุนช่วงนี้อาจดูไม่น่าสนใจ
นอกจากนั้น ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคดีทางการเมืองสำคัญ คือ คำร้องยุบพรรคก้าวไกล, การพิจารณาคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน และคดีที่อัยการสูงสุดจะส่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ผิด ม.112 โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัติตินายกฯ อาจมีผลต่อการอภิปรายงบประมาณปี 68 ในวันที่ 19-21 มิ.ย.นี้
แนวโน้มพรุ่งนี้คาดลาดแกว่งในกรอบแนวรับ 1,315 จุดและแนวต้าน 1,343 จุด คืนนี้รอติดตามผลการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ขณะที่ Sentiment ต่างประเทศในแง่ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดดีขึ้นเล็กน้อยหลังการรายงานตัวเลขจ้างงานสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณชะลอ ทั้งนี้ หาก ECB ลดดอกเบี้ยและเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้อาจจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยได้
