ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทยปิดวันนี้ที่ 1,378.70 จุด ปรับลง 3.98 จุด หรือ -0.29% มูลค่าซื้อขาย 44,052.38 ล้านบาท ดัชนีปรับตัวลง โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,389.55 จุด และจุดต่ำสุด 1,377.42 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 หลักทรัพย์ ได้แก่
1. CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,355.41 ล้านบาท ปิดที่ 58.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
2. AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,942.39 ล้านบาท ปิดที่ 65.75 บาท ลดลง 1.25 บาท
3. PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,940.55 ล้านบาท ปิดที่ 158.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงรับแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ เช่น CPALL, BDMS จากนักลงทุนปรับพอร์ตก่อน MSCI Rebalance มีผลวันที่ 31 พ.ค.นี้ โดยรอบนี้มีหุ้นออกด้วย แต่ยังพอมีแรงพยุงจากกลุ่มพลังงานดีดขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบโลก
แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดแกว่งไซด์เวย์ก่อนเข้าสู่วันหยุดกลางสัปดาห์เนื่องในวันวิสาขบูชา ขณะที่นักลงทุนรอติดตามรายงานผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คืนวันพุธนี้ ต่อด้วยวันพฤหัสบดีต้องจับตาว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับวินิจฉัยคำร้อง 40 สว.ขอให้ถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สืบเนื่องจากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือไม่ โดยให้แนวรับไว้ที่ 1,370-1,373 จุด และแนวต้าน 1,385 จุด
ด้านนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า วันนี้ดัชนีฯ แกว่งขึ้นลงตลอดทั้งวันเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นตลาด ทว่าสาเหตุที่หุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อยช่วงเช้าเพราะสภาพัฒนาฯ ประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ออกมาสูงกว่าคาดการณ์โดยบวก 1.5% เมื่อเทียบแบบรายปี แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับคาดการณ์ลง 0.2% มาอยู่ที่ 2-3% เท่านั้น
ทั้งนี้ ประเมินว่าวันพรุ่งนี้ (21 พ.ค.) ดัชนีฯ อาจเเกว่งตัวกรอบแคบในกรอบ 1,390-1,370 จุด