ดัชนี SET Index หุ้นไทย ปิดวันนี้ที่ 1,311.99 จุด ปรับขึ้น 10.95 จุด หรือ+0.84% มูลค่าซื้อขายราว 32,907.92 ล้านบาท โดยดัชนีปรับขึ้นโดดเด่นกว่าภูมิภาค รับแรงซื้อกลุ่มค้าปลีกนำตลาดหลังลงทะเบียน Digital Wallet คืบหน้า รวมทั้งแรงซื้อเก็งกำไรกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์คาด Q2/67 เติบโตดี เงินเฟ้อไทยต่ำกว่าคาดและกรอบนโยบายการเงินเปิดโอกาสให้ กนง.ทบทวนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหนุนกลุ่ม Yield Play
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีดีดขึ้นมามากในช่วงบ่าย โดยทำจุดสูงสุดที่ 1,312.75 จุด ทำจุดต่ำสุด 1,298.43 จุด
สำหรับ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 หลักทรัพย์
1.EA มูลค่าการซื้อขาย 3,229.55 ล้านบาท ปิดที่ 13.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
2.KCE มูลค่าการซื้อขาย 1,273.72 ล้านบาท ปิดที่ 46.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
3.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,073.38 ล้านบาท ปิดที่ 129.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นมาบวกโดดเด่นเมื่อเทียบกับภูมิภาค โดยมีแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก หลังจากมีความคืบหน้าล่าสุดรัฐบาลเตรียมประกาศวันลงทะเบียน Digital Wallet ภายในเดือนก.ค. นี้ รวมทั้งมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เก็งผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 เติบโตดี และช่วงบ่ายกระทรวงพาณิชย์แถลงเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ที่ +0.6% YoY ต่ำกว่าตลาดคาดที่ +1.0% YoY และถ้าเทียบ MoM กลับมาติดลบครั้งแรกในรอบ 6 เดือนที่ -0.3 MoM รวมทั้งต่ำกว่ากรอบนโยบายการเงินที่ 1-3% เป็นปัจจัยที่คาดว่าจะเปิดโอกาสให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ทบทวนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูปัจจัยอื่นประกอบ รวมทั้งทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ด้วย
ส่วนปัจจัยดังกล่าวเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่ม Yield Play อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า นอกจากนี้การบังคับใช้มาตรการ Uptick เริ่มมีผลทำให้การเคลื่อนไหวของหุ้นขนาดใหญ่มีเสถียรภาพมากขึ้น
แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดดัชนีแกว่งทรงตัวรอความคืบหน้าคดีคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี ของนายเศรษฐา ทวีสิน โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาวันที่ 10 ก.ค. นี้ รวมทั้งติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยให้กรอบแนวรับ 1,305 จุด และแนวต้าน 1,316 จุด ถัดไป 1,320 จุด