ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า SET Index ปรับตัวลงช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาหนุน ประกอบกับตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ย. ของไทยออกมาติดลบต่อเนื่อง ซึ่งทำให้มีความกังวลต่อความเสี่ยงของภาวะเงินฝืดเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี SET Index ดีดตัวขึ้นมายืนเหนือ 1,300 จุด ในเวลาต่อมา ขานรับปัจจัยบวกจากรายงานข่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ประกอบกับมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ตามทิศทางหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ
SET Index ปรับตัวในกรอบแคบช่วงกลางสัปดาห์ ก่อนจะดีดตัวขึ้นอีกครั้งตามแรงซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องในหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า (ซึ่งคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากโครงการนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง หรือ Direct PPA) อย่างไรก็ดี หลังจากขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 8 เดือนครึ่งที่ระดับ 1,317.88 จุด SET Index พลิกกลับมาร่วงลงแรงในช่วงท้ายสัปดาห์ หลังหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนรายใหญ่แห่งหนึ่งเข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 รวมถึงหุ้นสายการบินรายใหญ่แห่งหนึ่งจากความกังวลเรื่องความเป็นอิสระของบอร์ดผู้บริหาร
ในวันศุกร์ที่ 10 ต.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,286.98 จุด ลดลง 0.51% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 37,254.38 ล้านบาท ลดลง 3.91% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.54% มาปิดที่ระดับ 242.41 จุด
สัปดาห์นี้ (13-17 ต.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,270 และ 1,245 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,300 และ 1,315 จุด ตามลำดับ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ของยูโรโซน อังกฤษและญี่ปุ่น ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ย. ของยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ย. ของจีน อาทิ ตัวเลขการส่งออก ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตและยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวน