ดัชนี SET Index หุ้นไทย เปิดเช้านี้ อยู่ที่ 1,311.09 จุด เพิ่มขึ้น 6.17 จุด หรือ +0.47% มูลค่าซื้อขาย 2,679.33 ล้านบาท
บล.กสิกรไทย คาดว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้าวันที่ 9 ต.ค. 2568 คาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,290-1,310 จุด โดยระยะสั้นอาจเห็น SET index มีการปรับฐานหลัง กนง. มีมติประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.50% จากครั้งที่ผ่านมา
อีกทั้ง SET index ที่ปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดปีกว่า 200 จุด ซึ่งใกล้เคียงกับระดับที่เราประเมินว่าทุกการปรับลด 10 bps ส่งผลให้ SET index ปรับตัวขึ้นประมาณ 20 จุด โดยที่ กนง. ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 100 bps นับแต่เข้า cycle ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นถึงภาพที่ตลาดได้ priced in การปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว
ด้าน บลป.เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่เข้ามาหลังรับรู้ปัจจัยการประชุมคณะกกรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ไปแล้วเมื่อวาน ซึ่งยังคงดอกเบี้ยต่อ ซึ่งอาจจะผิดคาดจากที่ตลาดคาดว่ามีโอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ไปบ้าง
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่เช่นเดียวกัน แต่อาจจะมีแรงหนุนเข้ามาบ้างในกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่ยังได้อานิสงส์จากข่าวการลงทุน AI ในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ ซึ่งอาจจะช่วยหนุนดัชนีได้บ้าง ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกันโดยให้แนวต้าน 1,310 จุด แนวรับ 1,290 จุด
ขณะที่ บล.พาย ประเมิน SET วันนี้ คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,295 – 1,315 ตลาดอาจได้แรงหนุนจาก DELTA ตามกระแส Technology ในสหรัฐฯพร้อมกับกลุ่ม BANK หลังจากที่ กนง. คงดอกเบี้ยที่ระดับเดิม ทั้งนี้ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเลือกเป็นรายกลุ่มในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากทั้งดอกเบี้ยและมาตรการกระตุ้นภาครัฐ ประกอบไปด้วย ธนาคาร (BBL KBANK KTB SCB) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) คืนนี้ยังไม่มีปัจจัยสำคัญต้องติดตามเพราะหน่วยงานในสหรัฐฯยังปิดทำการเช่นเดิม
โดยปัจจัยในประเทศเมื่อวานที่ผ่านมาที่ประชุม กนง. มีมติ 5 : 2 ในการคงดอกเบี้ยนโยบายระดับเดิม คณะกรรมการประเมินว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวได้ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ โดยภาคส่งออกเริ่มได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษี ขณะที่การท่องเที่ยวและอุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มชะลอลงแต่จะฟื้นตัวช่วงระยะถัดไป ด้านนโยบายการเงินปัจจุบันอยู่ในระดับผ่อนคลายที่เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ GDP Growth ในปีนี้ขยายตัว 2.2% และปีหน้าขยายตัว 1.6%YoY (ปรับลงเล็กน้อยจากประมาณการครั้งก่อน) พร้อมยืนยันความเสี่ยงเงินฝืดยังต่ำสะท้อนจากราคาสินค้าและบริการส่วนมากยังปรับเพิ่มขึ้น ระยะสั้นดีกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) แต่การปรับลงของหุ้นในกลุ่ม Non Bank ยังมองเป็นโอกาสสะสมเพราะยังเชื่อว่าช่วงถัดไปมีโอกาสที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยเช่นเดิมด้วยเศรษฐกิจโตต่ำผสานกับเงินเฟ้อที่ยังต่ำ