ดัชนี SET ตลาด หุ้นไทย เปิดเช้านี้ที่ 1,286.57 จุด เพิ่มขึ้น 2.17 จุด หรือ +0.17% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 778.89 ล้านบาท
โดยบล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ประเมินตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีฟื้นตัว ได้แรงหนุนหลังจากความกังวลการตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐลดลงชั่วคราว เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ให้คณะกรรมการพิจารณาเรื่องการใช้ภาษีเท่าเทียม ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในเดือนเม.ย. ปีนี้ ซึ่งเลื่อนออกไปจากเดิมที่ตลาดกังวลว่าจะเกิดเร็วกว่านี้ ทำให้มี Sentiment บวกกับบรรยากาศการลงทุนในภูมิภาคและตลาดหุ้นไทย
ขณะที่ในประเทศมีสัญญาณที่ดี หลังจากกระทรวงการคลังพิจารณาโยกเงินจากกองทุน LTF ที่ครบอายุมายังกอง ThaiESG กองใหม่ แม้รายละเอียดต้องติดตามต่อ แต่ระยะสั้นเริ่มมีสัญญาณบวกให้เห็นเล็ก ๆ โดยแรงขาย LTF เริ่มชะลอลง ซึ่งเมื่อวานนี้แรงขาย LTF ประมาณ 648 ล้านบาท ลดลงจากต้นสัปดาห์ที่ประมาณ 926 ล้านบาท หากมีความชัดเจนในรายละเอียดมากขึ้นน่าจะทำให้แรงขาย LTF ค่อย ๆ ลดแรงกดดันลงตามลำดับ นอกจากนี้ช่วงนี้นักลงทุนติดตามการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยราคาหุ้นปรับลงมาค่อนข้างมากแล้ว และถ้าแรงขาย LTF ลดลง ประกอบกับแรงซื้อต่างชาติระยะหลังเริ่มฟื้นกลับเข้ามามากขึ้น ตลาดน่าจะยืนสร้างฐานสลับฟื้นตัวได้ โดยให้กรอบแนวรับ 1,280 จุด และแนวต้าน 1,300 จุด
ด้านบล.กรุงศรี ประเมิน SET คาด “Sideways/Up” มองแนวต้าน 1,295-1,305 จุด รับ 1,275-1,270 จุด ประเด็นกำหนดทิศทางตลาดวันนี้เป็นบวก โดยจับตาเงินบาทแข็งค่า 33.6 บาท หลัง US Bond Yield 10 ปี ลดลง -10 bps หลังคุณ Trump ลงนามใช้มาตรการภาษีเท่าเทียม (Reciprocal Tax) คาดว่าต้องใช้เวลาศึกษาก่อนมีผล 1 เม.ย.ทั้งนี้ ยังต้องตามปัจจัยนี้ที่กลายเป็นความเสี่ยงระยะกลาง ส่วนไทยแม้อยู่ในกลุ่มที่เก็บภาษีนำเข้าสหรัฐ ภาษีสหรัฐนำเข้าไทย แต่ไม่อยู่ในกลุ่มที่ปริมาณการค้า+เกินดุลสหรัฐลำดับต้น ทำให้ระยะแรกภาษีดังกล่าวน่าจะมีน้ำหนักไปทางยุโรป อินเดีย ผสาน รวมทั้ง.เงินเฟ้อผู้ผลิตมากกว่าคาด แต่ฝั่งสินค้าการแพทย์ ประกัน บริการการเงินลดลง บ่งชี้ภาพเงินเฟ้อ PCE ที่ Fed ให้น้ำหนักลดลง ภายในดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) ม.ค. 25 สูงสุดใน 8 เดือน ตลอดจนเม็ดเงินลงทุนภายในดูเป็นบวกขึ้น หลังรัฐฯเตรียมทบทวนปรับเงื่อนไขภาษีเพื่อดึงเงินได้จากการลงทุนต่างประเทศเข้าประเทศ