ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย …สู้วิกฤตโลก (Unlocking Thailand’s Future) ซึ่งจัดโดย อสมท โดยระบุว่าได้เสนอรัฐบาลตั้ง AMC เพื่อแก้ปัญหาหนี้ในระบบ หลังเคยประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการหนี้ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 ด้วยการตั้ง บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (TAMC) เพราะธนาคารได้กำไรจากบริหารหนี้ไปแล้ว จึงให้นำหนี้เสีย NPL มาส่งให้ AMC บริหารโดยรับซื้อมาบริหารด้วยราคาถูกและยังได้กำไร ซึ่งกลายเป็น BAM ในปัจจุบัน ยอมรับว่า หลังจากโควิด-19 ปัญหาหนี้ NPL ของคนไทยสูงมาก หากรัฐบาลซื้อหนี้ประชาชนมาตั้งเป็นบรรษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ (AMC ) จะทำให้ประเทศไทยเดินต่อได้ เพื่อนำหนี้เสียมารวมบริหารจัดการใหม่ ส่วนลูกหนี้กลับมาฟื้นได้เหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐบาลทดลองออก G-Token ระดมทุนจากรัฐบาล เพื่อชดเชยงบประมาณ 5,000 ล้านบาท มองว่ายังเป็นตัวเลขที่น้อยเกินไป ดังนั้นในอีก 3 หน้าข้างหน้า จึงหนุนให้รัฐบาลร่วมมือกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทดลองใน SandBox ให้มีการชำระเงินซื้อสินค้าผ่านเงินดิจิทัล หรือ E-money จากเดิมกำหนดเพียงในเขตพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อขยายไปยังจังหวัดขนาดใหญ่
โดยเปิดให้นำคริปโทเคอร์เรนซี เช่น เหรียญบิทคอยน์ เหรียญอีเธอเรียม ซื้อขายสินค้า เช่น การซื้อตั๋วเครื่องบิน ซื้อรถยนต์ หรือซื้อของห้างสรรพสินค้า 500,000 บาท สามารถรับเอาบิตคอยต์ เพื่อแปลงเป็นเงินบาทได้ทันที เนื่องจากคนถือเหรียญบิทคอยน์ เป็นคนรวยหมดแล้ว อีกทั้งเหรียญเป็นที่นิยมยังแปลงเป็นเงินบาทได้ทันในศูนย์ซื้อขายคริปโตฯ ยืนยันว่า ไม่ได้พิมพ์เงินบาทใหม่ แต่เป็นการนำเงินดิจิทัลมาใช้ประโยชน์ เพื่อสร้างให้เกิดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจ เมื่อใช้เงินดิจิทัลซื้อรถ ซื้อสินค้า รัฐบาลจะมีรายได้ภาษี Vat นำเงินเข้าพัฒนาประเทศ ส่วนเงินดิจิทัลคริบโทฯ จะถูกนำไปซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาท