วันนี้ 18 มีนาคม 2567 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. มีการประชุมวาระเรื่องแนวทางการดำเนินธุรกิจสถานีโทรทัศน์ระบบดิจิทัลภายหลังจากใบอนุญาตทีวีดิจิทัลจะหมดอายุลงในเดือนเม.ย.2572 รวมถึงการนำคลื่น 3500 MHz มาประมูลในธุรกิจโทรคมนาคม
การประชุมมีคณะกรรมการ 4 ราย พร้อมกับผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลทุกช่อง เช่น นายสุภาพ คลี่ขจาย นายกสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม จีเอ็มเอ็ม 25 นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ เนชั่นทีวี นายวัชร วัชรพล ไทยรัฐทีวี และนายเดียว วรตั้งตระกูล ช่องวัน 31 ซึ่งนายสุภาพ คลี่ขจาย กล่าวว่า มีการเสนอข้อเรียกร้อง 2 เรื่องสำคัญได้แก่
การขอให้กสทช.แก้กฎหมายการประมูลคลื่นทีวีดิจิทัล เนื่องจากตามกฎหมายระบุว่า เมื่อสิ้นสุดใบอนุญาตต้องประมูลต่อ แต่ผู้ประกอบการทุกรายเห็นพ้องต้องกันว่า ไม่ควรมีการประมูล ดังนั้น จึงต้องหารือกันต่อไปว่า หากไม่เป็นรูปแบบการประมูลแล้ว จะสามารถแก้ไขเป็นการให้ใบอนุญาตแบบใด หรือ มีการจ่ายค่าใบอนุญาตแบบไหน จึงจะเหมาะสมและไม่ถูกมองว่าผู้ประกอบการเอาเปรียบหรือกสทช.เอื้อประโยชน์ให้เอกชน
เรื่องต่อมาเป็นการแสดงเจตจำนงค์ของผู้ประกอบการที่ไม่ต้องการให้กสทช.นำคลื่น 3500 MHz ไปประมูลใช้ในกิจการโทรคมนาคม สาเหตุจากข้อมูลผลการสำรวจการรับชมทีวีดิจิทัลของ บริษัท เอซีนีลเส็น จำกัด พบว่า ประชาชนรับชมทีวีดิจิทัลผ่านสัญญาณดาวเทียม 60% ขณะที่รับชมผ่านกล่องดิจิทัลของ กสทช.เพียง 10% เท่านั้น ดังนั้น หากนำคลื่น 3500 MHz ไปประมูลคลื่นความถี่ในกิจการโทรคมนาคมก็จะทำให้กระทบต่อธุรกิจคนดูและรายได้จากโฆษณาหายไป
นายกสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) กล่าวว่า ไม่รู้ว่าอีก 5 ปี หรืออนาคต เทคโนโลยีใดจะมา คนยังดูทีวีดิจิทัลผ่านกล่อง หรือดาวเทียม หรือไม่ หรือคนจะหันไปดูผ่านอินเทอร์เน็ตกันหมด แต่เราก็ต้องเสนอ 2 เรื่องนี้ให้กสทช.รับทราบ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบกับธุรกิจของผู้ประกอบการ การแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนอุปกรณ์ตัวรับสัญญาณ จะมีค่าใช้จ่าย และการดำเนินการยุ่งยาก ดังนั้น จึงขอให้กสทช.นำข้อมูลความเดือดร้อนของผู้ประกอบการไปใส่ไว้ในรายละเอียดการประชาพิจารณ์คลื่น 3500 MHz ที่กสทช.จะดำเนินการด้วย
