อันดับน่าเชื่อถือประเทศไทยทรงตัว พ่วงมุมมองประเทศมีเสถียรภาพ เอสแอนด์พี โกลบอล ชี้ปัจจัยเสถียรภาพการเมืองไทยมีลุ้นเพิ่มเรตติ้งน่าเชื่อถือประเทศ

อันดับ น่าเชื่อถือ ประเทศไทย ทรงตัว พ่วงมุมมองประเทศมีเสถียรภาพ เอสแอนด์พี โกลบอล ชี้ปัจจัยเสถียรภาพการเมืองไทยมีลุ้นเพิ่มเรตติ้งน่าเชื่อถือประเทศ

นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ผ่านมา เอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือการลงทุนชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่า ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ระดับ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ระดับมีเสถียรภาพ หรือ Stable Outlook

S&P Global เปิดเผยต่อไปว่าคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวและเติบโตจาก 1.9% ในปี 2566 เป็น 2.8% ในปี 2567 และ 3.1% ในปี 2568 ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง สำหรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แท้จริง (Real GDP Growth) จะเติบโตเฉลี่ย 3.0% ในช่วงปี 2567-2570 ท่ามกลางสัดส่วนการขาดดุลงบประมาณต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) เฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ 3.3% ในช่วงปี 2568-2569

นอกจากนี้ ประเมินว่ารัฐบาลไทยจะยังคงเน้นการลงทุนตามยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง โดยคาดว่าการลงทุนของรัฐวิสาหกิจและความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และการลงทุนอย่างต่อเนื่องดังกล่าวจะยกระดับ ขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

ด้านหนี้ภาครัฐบาลสุทธิต่อ หรือ Net General Govemment Debt to GDP คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 3.3% ในปี 2568 สาเหตุจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดย S&P คาดว่าการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวจะทำให้การบริโภคของภาคเอกชนเติบโต ในส่วนภาคการเงินต่างประเทศแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ 1.4% ในปี 2566 และคาดว่าตั้งแต่ปี 2567-2570 ดุลบัญชีเดินสะพัดจะยังคงเกินดุเฉลี่ย 2.3% จากการฟื้นตัวของภาคการบริการเป็นสำคัญ

ส่วนภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะ 2 ปี ข้างหน้า โดยนับตั้งแต่เดือนม.ค. – ต.ค.2567 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 28.8 ล้าคน หรือคิดเป็น 29.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากมาตรการของรัฐบาลในการยกเว้นการขอวีซ่าเข้าประเทศไทย ปัจจัยสำคัญที่ S&P จะติดตามสำหรับพิจารณาการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ได้แก่ การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่มีรายได้ระดับเดียวกัน รายได้ต่อหัว และเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ

ทั้งนี้ รายงานของ S&P ได้นำเสนอกรณีข้อเท็จจริงการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย กรณีพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ในภาพรวม อีกทั้งหากการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลมีความต่อเนื่องจะมีผลให้อันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ที่ระดับ A- โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยของเสถียรภาพทางการเมืองที่จะมีผลต่อความต่อเนื่องของการกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจดังกล่าว

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles