บลูมเบิร์ก ซึ่งเป็นสำนักข่าวชื่อดังด้านเศรษฐกิจการเงินและการลงทุนระดับโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า อาชีพหรือตำแหน่งงานวิศวกรพัฒนาซอฟแวร์ กลับกลายเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูงสุดในการถูกปลดออกจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำขนาดใหญ่ของโลก สาเหตุจาก บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ล้วนปรับเปลี่ยนและโยกย้ายงบประมาณไปลงทุนเป็นจำนวนมากและต่อเนื่องในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ส่งผลให้มีการตัดลดงบลงทุนและการใช้จ่ายในการจ้างงานลงอย่างต่อเนื่อง
ในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ ไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น (Microsoft) บริษัทผลิตซอฟต์แวร์ และบริการจัดการข้อมูลระบบคลาวด์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งโลก ปรากฏว่า พนักงานในตำแหน่งวิศวกรซอฟต์แวร์มีจำนวนถูกปลดออกจากงานถึง 40% หรือคิดเป็นกว่า 2,000 คนที่ได้รับแจ้งถูกปลดจากงาน
สำหรับปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อสายงานวิศวกรพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นผลมาจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ถูกพัฒนาให้มีความสามารถมากขึ้นถึงขั้นระดับที่จะออกแบบวิเคราะห์และสร้างโปรแกรมซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะมีความสามารถสูงในการเขียนระบบรหัสคำสั่ง หรือโค้ดดิ้ง ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาการเขียนระบบรหัสคำสั่งดังกล่าวจะเกิดขึ้นโดยฝีมือของมนุษย์ซึ่งหมายถึงสายงานวิศวกรพัฒนาซอฟต์แวร์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ นายสัตยา นาเดลล่า กล่าวว่า ในปัจจุบันงานพัฒนาโปรแกรมซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น (Microsoft) มีสัดส่วนราว 30% ที่ถูกคิดค้น วิเคราะห์ และพัฒนาโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ที่สำคัญ มีแนวโน้มอย่างชัดเจนว่า สัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
สถานการณ์ของการปลดพนักงานในสายงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาซอฟต์แวร์จากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกมีขึ้นตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน เช่น นายมาร์ค เบนิออฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ เซลส์ฟอร์ส อินคอร์ปอเรชั่น (Salesforce) ได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรโดยเฉพาะจำนวนพนักงานด้วยการเน้นการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ มาทำงานแทนที่พนักงานฝ่ายขาย รวมถึงใช้เอไอในการพัฒนาระบบโปรแกรมเขียนรหัสโค้ดสำหรับการให้บริการของบริษัท ส่งผลให้มีการปลดพนักงานมากกว่า 1,000 คน ที่สำคัญ ประกาศนโยบายลดการรับสมัครตำแหน่งงานวิศวกรตลอดทั้งปี 2025 นี้ เนื่องจากนโยบายในการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอมาใช้งาน
เวิร์คเดย์ อินคอร์ปอเรชั่น (Workday) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐอเมริกา โดยนายคาร์ล เอสเชนแบค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ กล่าวว่า นโยบายการจ้างงานของบริษัทยังคงมีเกิดขึ้น แต่จะเน้นในสายงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอด้านกลยุทธ์เชิงธุรกิจ
สำนักงานแรงงาน รัฐวอชิงตัน เปิดเผยว่า ตำแหน่งงานที่มีจำนวนลดลง ซึ่งเกิดขึ้นจากการปรับลดจำนวนพนักงานนั้น เรียงตามลำดับ ได้แก่ วิศวกรพัฒนาโปรแกรมซอฟต์แวร์จำนวน 817 คน บริหารจัดการผลิตภัณฑ์จำนวน 373 คน บริหารจัดการโปรแกรมเทคนิคจำนวน 218 คน บริหารจัดการ โปรแกรมธุรกิจจำนวน 55 คน บริหารจัดการ โปรแกรมลูกค้า จำนวน 44 คน และ ออกแบบผลิตภัณฑ์จำนวน 31 คน
นอกเหนือจากพนักงานในสายงานพัฒนาโปรแกรม หรือซอฟต์แวร์จะถูกปลดออกเป็นจำนวนมากแล้วนั้น ยังพบว่าตำแหน่งงานระดับบริหาร หรือระดับผู้จัดการโครงการซอฟต์แวร์ยังเป็นอีกตำแหน่งงานที่ถูกปลดออกมากเป็นระดับรองลงมาในรัฐวอชิงตัน สะท้อนจากตำแหน่งงาน บริหารจัดการผลิตภัณฑ์และบริหารจัดการโปรแกรมเทคนิค ถูกปลดออกจากงานร่วมกันมากกว่า 600 คนหรือคิดเป็น 30% ของจำนวนตำแหน่งงานที่ถูกปลดออก