อุบัติเหตุเรือเฟอร์รี่ท่องเที่ยวพร้อมผู้โดยสาร-ลูกเรือรวม 53 ชีวิตล่มในอ่าวฮาลอง เวียดนาม ล่าสุด ยอดเสียชีวิตกว่า 28 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 8 ราย ยังสูญหายกว่า 12 ราย พายุโซนร้อนวิภาเข้าทะเลจีนใต้

อุบัติเหตุเรือเฟอร์รี่ท่องเที่ยว พร้อมผู้โดยสาร-ลูกเรือรวม 53 ชีวิตล่มในอ่าวฮาลอง เวียดนาม ล่าสุด ยอดเสียชีวิตกว่า 28 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 8 ราย ยังสูญหายกว่า 12 ราย พายุโซนร้อนวิภาเข้าทะเลจีนใต้

วันนี้ 19 กรกฎาคม 2025 เมื่อเวลา 22.45 น. รัฐบาลเวียดนามแถลงความคืบหน้าอุบัติเหตุเรือเฟอร์รี่ท่องเที่ยวชื่อว่าวอนเดอร์ ซี ในอ่าวฮาลอง ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกของประเทศเวียดนาม เกิดพลิกล่มเมื่อเวลา 14.00 น. ตามเวลาในประเทศเวียดนาม จำนวนผู้โดยสารและลูกเรือมีรวมกันทั้งสิ้น 53 ราย ประกอบด้วยผู้โดยสารจำนวน 48 ราย และลูกเรือจำนวน 5 ราย

ล่าสุด จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 28 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นเด็ก 8 ราย จำนวนผู้สูญหายมีมากกว่า 12 ราย สามารถช่วยชีวิตได้ 11 ราย ทางการเวียดนามยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของผู้เสียชีวิต ผู้สูญหาย และผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือว่าเป็นบุคคลสัญชาติใดบ้าง

นายกรัฐมนตรีประเทศเวียดนามได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อ ต่อเหตุโศกนาฏกรรมดังกล่าว รวมถึงผู้เสียชีวิต และญาติมิตร ในขณะเดียวกันได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหม และ กระทรวงสาธารณสุข ระดมเจ้าหน้าที่กู้ภัย และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำการค้นหาและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในครั้งนี้ โดยยืนยันว่าจะใช้ความพยายาม และทุ่มสรรพกำลังทั้งหมดค้นหาอย่างเต็มที่

วีเอ็น เอ็กซ์เพรส ซึ่งเป็นสื่อในประเทศเวียดนาม รายงานว่า จากข้อมูลเบื้องต้นผู้โดยสารที่อยู่ในเรือเฟอร์รี่ลำที่ประสบเหตุดังกล่าวนั้น เป็นนักท่องเที่ยวที่มากันเป็นครอบครัวจากกรุงฮานอย ในจำนวนของผู้โดยสารทั้งหมด 48 ราย มีผู้โดยสารที่เป็นเด็กมากกว่า 20 ราย

สาเหตุที่ทำให้เรือเฟอร์รี่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ ยังคงต้องรอการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไปอย่างไรก็ตาม ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุนั้น สภาพอากาศ และทัศนวิสัยในอ่าวฮาลองไม่ดี ท้องฟ้ามืดครึ้มดำสนิท มีฝนตกหนักตลอดเวลา พร้อมทั้งกระแสคลื่นน้ำในอ่าวฮาลองสูง ลมพัดด้วยความรุนแรง ซึ่งเป็นผลกระทบจากการเคลื่อนตัวของพายุโซนร้อนชื่อว่าวิภาที่พัดเข้าสู่ในทะเลจีนใต้ ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาเวียดนามคาดการณ์ว่าพายุโซนร้อนวิภาจะพัดเข้าสู่ประเทศเวียดนามในต้นสัปดาห์หน้า

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles