นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการบริษัทตลาด ดอท คอม กรุ๊ป กล่าวว่าการกำหนดให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆในประเทศไทยที่มีรายได้เกิน 1,000 ล้านบาทต่อปี ต้องส่งข้อมูลยอดขายของผู้ค้าให้กับกรมสรรพากร ซึ่งจะทำให้กรมสรรพากรทราบถึงยอดขายของพ่อค้าแม่ค้า รวมถึงบริษัทที่ขายของในแพลตฟอร์มแต่ละราย ซึ่งจะนำมาสู่การจัดเก็บ ภาษี จากการขายของผู้ค้าในแพลตฟอร์มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยผู้ค้าออนไลน์ที่อยู่ในแพลตฟอร์มและมียอดโดยผู้ค้าออนไลน์ที่อยู่ในแพลตฟอร์มและมียอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีจะต้องไปจดภาษีมูลโดยผู้ค้าออนไลน์ที่อยู่ในแพลตฟอร์ม และมียอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องไปจดภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งตรงนี้จะส่งผลให้ราคาสินค้าบวกภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าไปอีก 7% ผู้ซื้อต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราสูงสุด 30% หากมีรายได้ถึง 5 ล้านบาทต่อปี ซึ่งผู้ค้าออนไลน์ต้องหันมาวางแผนและทำธุรกิจให้ถูกต้องเพื่อให้เสียภาษีอย่างถูกต้องและเหมาะสมที่สุด
ขณะเดียวกัน ภาครัฐต้องจัดเก็บภาษีอย่างเท่าเทียม เพราะปัจจุบันในแพลตฟอร์มออนไลน์ของประเทศไทยมีผู้ค้าจากต่างประเทศเข้ามาค้าขายเป็นจำนวนมาก โดยผู้ค้าเหล่านั้นไม่มีตัวตนหรือบริษัทอยู่ในประเทศไทย ดังนั้นการจัดเก็บภาษีก็ควรจะมีรูปแบบที่ชัดเจนและเท่าเทียมกับผู้ค้าของคนไทย และเมื่อภาคเอกชนมีการเสียภาษีอย่างถูกต้องก็คาดหวังให้การนำเงินภาษีที่เก็บไปใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสมด้วยเช่นกัน