ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2024 ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500(ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 39,331 จุด +162 จุด หรือ +0.41% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,509 จุด +33,จุด หรือ +0.62% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 18,028 จุด +149 จุด หรือ +0.94% ไม่เพียงส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และดัชนีหุ้นนาสแดคปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ แต่ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และดัชนีหุ้นนาสแดคปิดเหนือ 5,500 จุด และ 18,000 จุดเป็นครั้งแรกอีกด้วย
ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง -0.1%, -0.1% และ +0.2% ตามลำดับ สิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปรากฎว่าดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +1.1%, +3.5% และ +6% ตามลำดับ ส่งผลให้ทั้ง 3 ดัชนีหุ้นปิดรายเดือนเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันจากทั้งหมดใน 8 เดือนผ่านมา อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2 พบว่า ทั้ง 3 ดัชนีหุ้นปิดสวนทางกัน -1.7%, +3.9% และ +8.3% ตามลำดับ นอกจากนี้ สิ้นสุดครึ่งปีแรก หรือนับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงปัจจุบัน พบว่า ดัชนีสำคัญดังกล่าวปิดเพิ่มขึ้น +3.8%, +14.5% และ +18.1% ตามลำดับ
สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกอ่อนค่า ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับลดลง ประธานธนาคารกลางสหรัฐมองว่ายังต้องมีความมั่นใจในตัวเลขเงินเฟ้อ ก่อนที่จะตัดสินใจลดดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นได้ นอกจากนี้ นักลงทุนรอการเปิดเผยบันทึกการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในหลังวันชาติสหรัฐ ตลาดหุ้นสหรัฐจะซื้อขายครึ่งวันในวันพุธที่ 3 และปิดทำการในวันที่ 4 เนื่องจากเป็นวันชาติสหรัฐอเมริกา รวมถึงในวันศุกร์นี้ นักลงทุนรอติดตามการประกาศตัวเลขจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคเกษตรของเดือนมิถุนายน
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในเดือนกันยายนลดลงเป็น 66% จากเดิมที่ 63% ขณะที่ โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในธันวาคมอยู่ที่ 72% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 50% หลังจากในช่วงเริ่ผ่านมา มีการประเมินว่าการลดดอกเบี้ยของเฟดครั้งแรกอาจเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน จากที่เคยให้น้ำหนักมาที่เดือนกันยายน
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ