ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนี หุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 37,683 จุด +216 จุด หรือ +0.58% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,763 จุด +66 จุด หรือ +1.41% และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 14,843 จุด +319 จุด หรือ +2.20% ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง -0.59%, -1.52% และ -3.25% ตามลำดับ ส่งผลหยุดสถิติดัชนีหุ้นรายสัปดาห์ทั้ง 3 ดัชนีขึ้นติดต่อกัน 9 สัปดาห์ นอกจากนี้ ยังเป็นดัชนีหุ้นรายสัปดาห์ปิดร่วงลงในสัปดาห์แรกของปีใหม่ 2024 ด้วย โดยเฉพาะดัชนีหุ้นนาสแดคทำสถิติปิดรายสัปดาห์ที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 3 เดือนเศษ หรือในรอบ 13 สัปดาห์ นับตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2023 ผ่านมา
ในเดือนธันวาคมปี 2023 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสูงขึ้น +4.89%, +4.72% และ +6.11% ตามลำดับ สอดรับกับในไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสูงขึ้น +12.54%, +11.55% และ +14.19% ตามลำดับ ขณะที่ในปี 2023 ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสูงขึ้น +13.77%, +24.58% และ +44.22% ตามลำดับ โดยเฉพาะดัชนีหุ้นนาสแดคกำลังทำสถิติดัชนีหุ้นรายปีปิดพุ่งมากที่สุดในรอบ 20 ปี หรือตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา ซึ่งในปีนั้น ดัชนีพุ่งกระฉูดถึง +50.01%
สาเหตุนักลงทุนหวนกลับมาซื้อหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีราคาร่วงลงมากในสัปดาห์ผ่านไป โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีราคาร่วงระนาวนำโดยหุ้นบริษัทแอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น นอกจากนี้ ยอดการจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคเกษตรในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนธันวาคม 2023 ปรากฏว่า เพิ่มขึ้นเป็น 216,000 ราย ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ที่จำนวน 170,000 ราย สอดรับกับอัตราการว่างงานในสหรัฐทรงตัวที่ระดับ 3.7% ต่อเนื่องสะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐยังคงยืดหยุ่นสูงและอาจชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าจะตกต่ำรุนแรง
นอกจากนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี พลิกกลับสูงขึ้นทันที และขึ้นสูงเหนือระดับ 4% ครั้งใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ที่ระดับ 4.103% และเป็นครั้งแรกของปี 2024 นี้
ทั้งนึ้ ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่าเฟดวอช์ท พบว่ามีโอกาสอยู่ที่ 67% จากเดิมที่ 65.7% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยดังกล่าวครั้งแรก 0.25% ในเดือนมีนาคมปี 2024