นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทวันนี้ เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.83 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง จากระดับปิดวันที่ผ่านมา โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท(USDTHB) เคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 33.80-33.94 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้างทะลุโซน 33.90 บาทต่อดอลลาร์ ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ ออกมาดีกว่าคาด อาทิ คาดการณ์ครั้งที่ 3 ของอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของปีก่อนหน้า ที่ออกมา +2.4% จากไตรมาสก่อนหน้า เมื่อเทียบเป็นรายปี
รวมถึง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Jobless Claims) ที่ลดลงสู่ระดับ 1.856 ล้านราย อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็เผชิญแรงกดดันบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่ล่าสุด รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยลดสถานะ Long USD เพิ่มเติม
นอกจากนี้ ความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ยังได้หนุนให้ราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวขึ้น ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (New All-Time High) โดยการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำดังกล่าว ก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา
แนวโน้มค่าเงินบาท แม้ว่าเงินบาทจะมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง รับอานิสงส์การปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ของราคาทองคำ แต่เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังเสี่ยงทยอยอ่อนค่าลงแบบค่อยเป็นค่อยไป หรืออาจกล่าวได้ว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในลักษณะ Sideways Up ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ
ซึ่งอาจช่วยหนุนเงินดอลลาร์ในช่วงนี้ได้ จนกว่าตลาดจะเห็นความชัดเจนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในฝั่งไทย ว่าประเทศไทยจะเสี่ยงเผชิญการเก็บภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal Tariff) หรือนโยบาย Non-Tariff อื่นๆ หรือไม่ เนื่องจากประเทศไทยมีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่สงครามการค้ารอบแรกในปี 2018
อย่างไรก็ดี มองว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจถูกชะลอลงบ้าง หากราคาทองคำยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ หรืออย่างน้อยก็แกว่งตัวในกรอบ Sidewaysโดยมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.75-34.05 บาทต่อดอลลาร์ ต้องจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ที่แม้จะทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยบ้าง โดยเฉพาะในส่วนของตลาดหุ้นไทย แต่เราคงกังวลว่า ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ และอาจส่งผลกระทบต่อความผันผวนของค่าเงินบาทได้