เงินบาทวันนี้ยังอ่อนค่า จับตาเงินบาทผันผวนสูงช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมธนาคารญี่ปุ่นวันนี้

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 37.06 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 37.03 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.80-37.25 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 36.97-37.11 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะผันผวนสูงในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ทั้ง อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้ และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวราว +1.6% จากไตรมาสก่อนหน้า เมื่อเทียบเป็นรายปี น้อยกว่าที่ตลาดคาด (ทว่าปัจจัยกดดันส่วนใหญ่มาจาก การเปลี่ยนแปลงสินค้าคงคลัง และ Net Exports)

ขณะเดียวกัน ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในไตรมาสแรกของปีนี้ ก็พุ่งสูงขึ้นสู่ระดับ 3.4% สูงกว่าคาดไปมาก ทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจยิ่งชะลอลงช้า และทำให้เฟดอาจต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดให้นานขึ้น โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดได้ประเมินว่า เฟดมีโอกาสเพียง 35% ในการลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งภาพดังกล่าวได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 4.70% ส่วนเงินดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้นบ้าง กดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง ทว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็ชะลอลงบ้าง ตามการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ ที่ได้แรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย จากภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม (รายงานในช่วง 19.30 . ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งหากออกมาสูงกว่าคาด ก็จะยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดมากขึ้น ส่งผลให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ไม่ยาก c]tควรจับตาอย่างใกล้ชิด คือ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะทราบผลการประชุมในช่วงราว 10.00 . ตามเวลาประเทศไทย และจะมีการแถลงต่อสื่อมวลชน โดยผู้ว่าฯ BOJ ในช่วง 13.30 . โดยในการประชุม BOJ ครั้งนี้ BOJ อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิม ทว่าต้องจับตาการปรับแผนการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของ BOJ ซึ่งอาจเป็นการส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นได้

อีกทั้งต้องจับตาคาดการณ์เศรษฐกิจใหม่ของ BOJ ที่จะช่วยสะท้อนแนวโน้มนโยบายการเงินในอนาคต เช่น หาก BOJ ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ก็อาจสะท้อนว่า BOJ มีโอกาสทยอยขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ และที่สำคัญ ต้องระวังการเข้าแทรกแซงค่าเงินเยนญี่ปุ่นของทางการญี่ปุ่น หลังเงินเยนได้อ่อนค่าทะลุโซน 155 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งทางการญี่ปุ่นอาจใช้จังหวะในช่วงการประชุม BOJ เพื่อเข้าแทรกแซงได้ หรือ อาจรอในช่วงตลาดรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ก็ได้เช่นกัน

ส่วนแนวโน้มของค่าเงินบาท ผันผวนสูงในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BOJ ไปจนถึงช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ โดยต้องระวังการเข้าแทรกแซงค่าเงินเยนของทางการญี่ปุ่น ที่สถิติในอดีต การเข้าแทรกแซงดังกล่าวมักจะทำให้ เงินเยนญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะสั้น ราว +3% เป็นอย่างน้อย ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงก็อาจทำให้เงินดอลลาร์ผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง และช่วยให้เงินบาทอาจแข็งค่าหลุดโซน 37 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก

อย่างไรก็ดี ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่ายังคงมีอยู่ ทำให้เงินบาทอาจยังติดโซนแนวรับ 36.80 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 36.60 บาทต่อดอลลาร์) และหากไม่มีการเข้าแทรกแซงเกิดขึ้น อีกทั้ง BOJ ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเพิ่มเติม คาดว่าเงินเยนญี่ปุ่นก็เสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่าต่อ หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งถ้าหากเงินดอลลาร์ได้แรงหนุนเพิ่มเติม จากรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ที่อาจจะออกมาสูงกว่าคาด ก็จะยิ่งทำให้เงินบาทเสี่ยงอ่อนค่าทดสอบโซน 37.15-37.25 บาทต่อดอลลาร์ ได้เช่นกัน และหากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวได้ ระดับ 37.50 บาทต่อดอลลาร์ ก็จะเป็นแนวต้านถัดไป

ทั้งนี้ ต้องรอจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ว่าจะทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะหากนักลงทุนต่างชาติยังคงทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ไทย ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง อีกทั้ง ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็อาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ หรือขายทำกำไรสถานะ Short THB ในช่วงโซนแนวต้านดังกล่าวเช่นกัน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles