เงินบาทสัปดาห์นี้จ่อแตะ 32.80 บาทต่อดอลลาร์  หลังสัปดาหที่แล้วปรับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 8 เดือน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย  เปิดเผยว่า เงินบาทขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อยในช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงหนุนต่อเนื่องจากตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่คาด

อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 8 เดือนที่ 32.33 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงกลางสัปดาห์ โดยได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกและการแข็งค่าของสกุลเงินเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีการค้าของสหรัฐฯ (แม้จะมีสัญญาณความคืบหน้าของเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ) นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยลบจากตัวเลขเงินเฟ้อ CPI เดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด  

เงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยช่วงปลายสัปดาห์ตามภาพรวมการอ่อนค่าของสกุลเงินในภูมิภาค ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนกลับมาบางส่วนท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดของการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน อย่างไรก็ดี กรอบการอ่อนค่าของเงินบาทยังเป็นไปอย่างจำกัด เพราะยังคงมีแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก

 ในวันศุกร์ที่ 13 มิ.ย. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.44 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.61 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (6 มิ.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 9-13 มิ.ย. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 594 ล้านบาท แต่ขายสุทธิพันธบัตรไทย 8,802 ล้านบาท  

สัปดาห์ระหว่างวันที่ 16-20 มิ.ย. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.00-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม FOMC และ Dot Plot ใหม่ของเฟด (17-18 มิ.ย.) ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ และคู่ค้า และสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนมิ.ย. ข้อมูลยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนพ.ค. (อาทิ ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และอัตราว่างงาน) และอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ของอังกฤษ ยูโรโซน และญี่ปุ่น

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (16-17 มิ.ย.) ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (18 มิ.ย.) ธนาคารกลางอังกฤษ (19 มิ.ย.) และการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน (20 มิ.ย.) ด้วยเช่นกัน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles