นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาท เปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.37 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นมากจากปิดเย็นวานที่ระดับ 33.64 บาท/ดอลลาร์
โดยตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาแข็งค่าต่อเนื่อง หนุนโดยการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่ล่าสุด ทางการของทั้งสองฝ่ายต่างให้ข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกัน ขณะเดียว กัน รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาดชัดเจน ทำให้ตลาดยังกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนของ สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้า ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดต่างกลับเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่ไม่ใช่เงินดอลลาร์ อาทิ เงินเยน และทองคำ
ส่วนแนวโน้มของค่าเงินบาท ยังเห็นถึงภาวะความผันผวนสูงของตลาดค่าเงิน ซึ่งความผันผวนของเงินบาทนั้น นอกเหนือ จากผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์แล้ว ทิศทางราคาทองคำ ก็มีผลกับเงินบาทพอสมควร ซึ่งหากราคาทองคำยังเคลื่อนไหว ในกรอบ Sideways อยู่ในช่วงการพักฐาน ก็อาจทำให้เงินบาทแกว่งตัวในกรอบ Sideways ได้เช่นกัน
แม้ว่าเงินบาทจะทยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงคืนที่ผ่านมา แต่การแข็งค่าของเงินบาท ก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นใน ตลาด อาจรอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน อีกทั้งบรรดานักลงทุนต่างชาติ อาจยังเดินหน้าทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม ได้ โดยคาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 33.25-33.50 บาท/ดอลลาร์
ด้านกลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.25-33.45 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทกลับมาแข็งค่าเร็วจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าแรงหลังเลขสำรวจภาคการผลิตของ Dallas Fed ออกมาที่ -35.8 ต่ำกว่าคาดที่ -17
จีนประกาศนโยบายเพื่อสนับสนุนผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีของสหรัฐฯ โดยจะให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อและการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ พร้อมปฏิเสธว่ามีการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ขณะที่ ตลาดคาดว่าสหรัฐฯ จะยังคงแผนการขายพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวต่อเนื่อง แม้ตลาดจะผันผวนในช่วงที่ผ่านมา