นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาท เปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.46 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากปิดสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 33.56 บาท/ดอลลาร์
โดยตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา รวมถึงช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ของไทย เงินบาท (USDTHB) โดยรวมเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แถวโซน 33.50 บาท/ดอลลาร์ ผันผวนไปตามทิศทางเงินดอลลาร์ และราคาทองคำเป็นหลัก ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงิน บาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นมากกว่าคาด หลังความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์สหรัฐฯ ถูกสั่นคลอนจากนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump 2.0 อีกทั้ง ราคาทองคำก็ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่
สำหรับในสัปดาห์นี้ จับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ และจีน พร้อมรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ส่วนปัจจัยในประเทศช่วงนี้ ตลาดจะรอติดตามท่าทีของรัฐบาลในการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ เพื่อประเมินโอกาส ที่สหรัฐฯ อาจปรับลดอัตราภาษีนำเข้าให้กับสินค้าไทยหลังครบกำหนดการระงับมาตรการเก็บภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) เป็นเวลา 90 วัน
ขณะที่แนวโน้มของค่าเงินบาท โมเมนตัมการแข็งค่ายังมีกำลังอยู่ แต่อาจถูกชะลอแถวโซนแนวรับ 33.40-33.50 บาท/ดอลลาร์ ทั้งนี้ ต้องจับตาทิศทางเงินหยวนจีน และราคาทองคำอย่างใกล้ชิด คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 33.35-33.60 บาท/ดอลลาร์
ด้านกลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.30-33.60 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นมาใกล้โซนแนวรับ 33.40-33.50 ปัจจัยหลักจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาทองที่ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่
ฝั่งตลาดหุ้น นักลงทุนแสดงความกังวลจากผลกระทบของสงครามการค้า และยังจับตาใกล้ชิดกับการตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯ และจีน
สัปดาห์นี้จับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรปในคืนวันพรุ่งนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าธนาคารกลางยุโรปจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% สู่ระดับ 2.25% ท่ามกลางความกังวลจากสงครามการค้า