ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า เงินบาท อ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค และการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อคืนของนักลงทุนท่ามกลางการปรับการคาดการณ์ของตลาดมามองว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในขนาดที่มากกว่า 25 bps. ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. นี้
อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นและแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 19 เดือนครั้งใหม่ในช่วงตลาดในประเทศ (Onshore) ที่ 33.26 บาทต่อดอลลาร์ฯ ตามการพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ของราคาทองคำในตลาดโลก และการแข็งค่าของเงินเยนซึ่งมีแรงหนุนจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่นในระยะข้างหน้า นอกจากนี้ เงินบาทน่าจะมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากสถานะซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่อ่อนค่าลง หลังธนาคารกลางยุโรปยังไม่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุมหน้า (แม้จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมรอบนี้) ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้ผลิตก็ออกมาแย่กว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดด้วยเช่นกัน
โดยในวันศุกร์ที่ 13 ก.ย. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.32 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.52 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (6 ก.ย. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 9-13 ก.ย. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 9,474 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 3,692 ล้านบาท (แบ่งเป็น ซื้อสุทธิพันธบัตร 3,752 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 60 ล้านบาท)
อย่างไรก็ตามเงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 19 เดือนครั้งใหม่ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 33.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ
สำหรับสัปดาห์นี้ (16-20 ก.ย. ) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 33.00-33.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก และสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค หลังผลการประชุมนโยบายการเงิน การเปิดเผยตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ Dot Plots ของเฟด (17-18 ก.ย.) ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและฟิลาเดลเฟีย และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย. ตัวเลขยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม การเริ่มสร้างบ้าน และยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (19-20 ก.ย.) ธนาคารกลางอังกฤษ (19 ก.ย.) การกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน รวมถึงข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. ของอังกฤษ ยูโรโซน และญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน