ตลาดซื้อขายค่าเงินบิทคอยน์ในเอเชีย รายงานว่าเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2025 เวลา 8.00 น. ตามเวลาสิงคโปร์ หรือตรงกับเวลา 7.00 น. เวลาไทย พบว่า ค่าเงินบิทคอยน์เคลื่อนไหวที่ระดับ 91,450.35 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,926,411 บาท พุ่งขึ้นถึง +6,038 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า +193,216 บาท หรือ +7.07% ขณะที่ในคืนที่ผ่านมา วันที่ 2 ธันวาคม 2025 นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ค่าเงินบิทคอยน์เคลื่อนไหวที่ระดับ 92,323 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,954,336 บาท พุ่งขึ้น +6.80%
สาเหตุมาจากนายพอล แอทกิ้นส์ ประธานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐ เปิดเผยเกี่ยวกับมาตรการแผนการยกเว้นค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนนวัตกรรมให้สําหรับบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล ด้านแวนการ์ด กรุ๊ป ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายเงินคริปโตเคนสี่ชื่อดังแห่งหนึ่ง ประกาศว่าจะอนุญาตให้ ETF และกองทุนรวมที่ถือสกุลเงินดิจิทัลเป็นหลักสามารถซื้อขายบนแพลตฟอร์มได้
เมื่อวานนี้ ตลาดซื้อขายค่าเงินบิทคอยน์ในเอเชีย รายงานว่าเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2025 เวลา 9.00 น. ตามเวลาสิงคโปร์ หรือตรงกับเวลา 8.00 น. เวลาไทย พบว่า ค่าเงินบิทคอยน์เคลื่อนไหวที่ระดับ 86,240 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,802,800 บาท ร่วงลงมากถึง -5,083 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า -165,197 บาท หรือ -5.60% ขณะที่ในคืนวันจันทร์ผ่านมา วันที่ 1 ธันวาคม 2025 นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ค่าเงินบิทคอยน์เคลื่อนไหวที่ระดับต่ำสุดระหว่างวันที่ระดับ 83,879.01 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,726,027 บาท ร่วงลงมากถึง -8.00% ก่อนที่ฟื้นกลับขึ้นมาไม่มากนักที่ระดับ 85,788 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,788,110 บาท ร่วงลงมากถึง -6.00% ส่งผลให้เป็นค่าเงินบิทคอยน์ที่ร่วงลงอย่างรุนแรงในแง่เปอร์เซ็นต์เกิดขึ้นใน 1 วันทำการ ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา หรือในรอบ 1 เดือน ในขณะที่ เงินบิทคอยน์ทำสถิติที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025 ที่ผ่านมา หรือในรอบ 9 เดือนในแง่ราคาบิทคอยน์ที่ตกต่ำมากสุดในหนึ่งวันทำการ
สาเหตุมาจากไมโคร สราติจี้ (Micro Strategy) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ลงทุนและถือครองเงินบิทคอยน์มากที่สุดในโลก ได้ประกาศปรับลดมุมมองผลประกอบการในปี 2025 ซึ่งไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดเงินบิตคอยน์ย่ำแย่ นอกจากนี้ เอสแอนด์พี โกลบอล ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือในการลงทุนระดับโลก ได้ประกาศปรับลด อันดับ หรือเรตติ้งการลงทุนของสกุลเงินทีเตอร์ (Tether) ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกของเหรียญสเตเบิลคอยน์ และเป็นอีกหนึ่งสกุลเงินสำคัญในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่ เนื่องจากมีสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพิ่มสูงในทุนสำรองของสกุลเงินดังกล่าว ขณะที่ ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า เตือนการลงทุนใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวกับเงินสกุลดิจิตอลที่ผิดกฎหมาย จะถูกจับตาและกวาดล้างโดยทางการจีน
คอยน์กลาส เปิดเผยว่าในวันจันทร์ที่ผ่านมา นักลงทุนในเงินบิทคอยน์ทั่วโลกถูกบังคับเทขายอย่างรุนแรงส่งผลให้มีมูลค่าการล้างถอดหรือถูกบังคับเทขายพุ่งสูงมากถึงเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 32,000 ล้านบาท ที่สำคัญ ส่งผลให้มูลค่าตลาดเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ทรุดต่ำลงกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สอดคล้องกับมูลค่าตลาดเงินบิทคอยน์เสียหายไปถึงกว่า 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.9 ล้านล้านบาท
