เงินเฟ้อไทยสิงหาคมลงต่ำสุดใน 4 เดือน วิจัยกสิกรไทยลดเป้าเงินเฟ้อทั้งปี 67 เหลือ 0.5%


ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือนส.ค. 2567 ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 0.35% เทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และหากเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเป็นบวกเล็กน้อยที่ 0.07% เทียบเดือนก่อนหน้านี้ โดยมีปัจจัยสำคัญมาจาก

1. ราคาหมวดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 80 ดอลลาร์ฯ/ บาร์เรล ขณะที่ฐานราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในเดือนส.ค. 2566 อยู่ระดับสูงที่ราว 85 ดอลลาร์ฯ/ บาร์เรล

2. ราคาหมวดค่าไฟฟ้าปรับลดลง เนื่องจากอัตราค่าไฟฟ้ามีการตรึงที่ 4.18 บาท/ หน่วยอย่างต่อเนื่องในเดือนพ.ค.-ส.ค. 2567 ขณะที่อัตราค่าไฟฟ้าในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านั้นอยู่ที่ 4.70 บาท/ หน่วย ซึ่งส่งผลให้เงินเฟ้อเดือนส.ค. 2567 ลดลง 0.19% YoY (รูปที่ 1)

อย่างไรก็ดี จาก 430 รายการสินค้าและบริการในตะกร้าเงินเฟ้อ มี 273 รายการที่ราคายังคงปรับสูงขึ้น โดยปัจจัยผลักดันหลักมาจากราคาผักสดผลไม้สด ข้าวสาร และอาหารสำเร็จรูป เนื่องจากสถานการณ์ฝนตกหนักและอุทกภัยในบางพื้นที่เพาะปลูกได้ส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรบางส่วน ขณะที่ หากหักราคาอาหารสดและพลังงานออก เงินเฟ้อพื้นฐานเดือนส.ค. 2567 เร่งตัวขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 0.62% เทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 0.52% เทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา

ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2567 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยออกมาต่ำกว่าคาดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.15% เทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา ส่งผลให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยปี 2567 ลงมาอยู่ที่ 0.5% จากประมาณการเดิมที่ 0.8% อย่างไรก็ดี คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยจะเร่งสูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาส 4/2567

เนื่องจากปัจจัยฐานต่ำในช่วงไตรมาส 4/2566 ตามฐานอัตราค่าไฟฟ้าที่อยู่ในระดับต่ำเนื่องจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพจากทางภาครัฐ ประกอบกับคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่เป็นช่วง High Season อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ภาครัฐมีแนวโน้มที่จะยังคงตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลและอัตราค่าไฟฟ้าที่ระดับเดิมอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มต่ำกว่าที่เคยคาดจากแรงกดดันอุปสงค์โลกที่ชะลอลง แม้ยังคงมีความเสี่ยงด้านสูงอยู่จากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์รวมถึงปริมาณการผลิตของ OPEC+ นอกจากนี้ ท่ามกลางอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอลงและการแข่งขันที่อยู่ในระดับสูง ผู้ประกอบการมีแนวโน้มออกมาตรการส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาสินค้าหลายรายการมีแนวโน้มปรับลดลง

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า กนง. จะตรึงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% ซึ่งสูงสุดในรอบ 10 ปีไปตลอดทั้งปีนี้ แต่ก็มองความเป็นไปได้ที่ กนง. อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 1 ครั้งในไตรมาส 4/2567 มีสูงขึ้น เนื่องจาก ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าที่เคยคาดไว้ โดยล่าสุดตลาดมองว่าเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยถึง 100 basis points ในปีนี้

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles