ตลาดซื้อขายเงินคริปโทเคอร์เรนซี นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ในปี 2023 ผ่านไป บิทคอยน์ ซึ่งเป็นเงินดิจิตอลที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดในเงินคริปโทเคอร์เรนซี ปิดด้วยส่วนต่างราคาหรือผลตอบแทนสูงถึง +152% เมื่อเปรียบเทียบกับสิ้นปี 2022 ท่ามกลางปัจจัยลบและภาวะตลาดเงินคริปโทฯ ที่เต็มไปด้วยข่าวร้ายด้านอื้อฉาวของบุคคล และแพลตฟอร์มเงินคริปโทฯ ที่เกี่ยวข้องทุกระดับ ได้แก่ ศาลสหรัฐตัดสินใจดำเนินคดีแพ่งและอาญากับนายจ้าว ฉางเผิง ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอไบแนนซ์(Binance) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายเงินคริปโทเคอร์เรนซี หรือเงินดิจิตอลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ถูกตัดสินมีความผิดต่อข้อกล่าวหารุนแรงหลายกระทง และยอมรับในการกระทำผิดกฎหมายอาญา ส่งถูกปรับเป็นเงินสูงถึง 4,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 150,500 ล้านบาท และมีคำสั่งศาลห้ามดำเนินการและบริหารทุกอย่างในบริษัทไบแนนซ์(Binance) ทำให้ต้องลงจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารดังกล่าว
เช่นเดียวกันกับนายแซม แบงค์แมน-ไฟรด์ ผู้ก่อตั้ง มหาเศรษฐีในวงการลงทุนเงินคริปโทเคอร์เรนซี และอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ เอฟทีเอ็กซ์ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีใหญ่อันดับ 2 ของโลก ถูกศาลตัดสินผิดกฎหมายอาญาจำนวน 7 คดีในสหรัฐอเมริกา
ปัญหาสภาพคล่องเงินลงทุนในตลาดคริปโทฯ ที่ตกต่ำลงมากจากภาวะตลาดที่นักลงทุนแทบกทุกประเภทขาดทุนรุนแรง และถอยห่างออกจากการลงทุนในตลาดเงินคริปโทฯ และความล้มเหลวในโครงการผลักดันเหรียญโทเคนในตลาดเงินคริปโทฯ ในตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกของตลาดเงินคริปโทฯ ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีผ่านมา และมีแนวโน้มเป็นแรงส่งต่อในปีนี้ 2024 เกิดจากราคาเงินบิทคอยน์ดำดิ่งอย่างมากในช่วงปี 2021 และมีราคาต่ำทรงตัวมาตั้งแต่ต้นปี 2023 ซึ่งภาวะดังกล่าวมักจะเกิดขึ้นทุกๆ 4 ปี ทำให้มีการลดค่าใช้จ่ายในการขุดหาเหรียญบิทคอยน์ลงถึงครึ่งหนึ่งในช่วงผ่านมา นอกจากนี้ สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.สหรัฐ เปิดเผยว่ากำลังจะพิจารณาเห็นชอบกองทุนรวมดัชนีเงินบิทคอยน์ หรืออีทีเอฟ บิทคอยน์ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในวงการเงินคริปโทฯ ของสหรัฐอเมริกา
ปัจจัยสำคัญอื่นๆ เช่น การสิ้นสุดรอบการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ซึ่งทำให้การลงทุนในตลาดทุนรวมถึงตลาดเงินคริปโทฯ กลับมาคึกคักหลังจากมีต้นทุนจากอัตราดอกเบี้ยสูงในรอบกว่า 2 ทศวรรษ
ดังนั้น บรรดากูรู นักลงทุนชื่อดัง และนักวิเคราะห์ ล้วนประเมินแนวโน้มราคาเงินบิทคอยน์ในปี 2024 จะมีทิศทางขาขึ้นต่อเนื่องจากปี 2023 เริ่มจากนายมาร์ก โมเบียส นักลงทุนชื่อดังระดับโลกในตลาดหุ้นสหรัฐ มองว่า ค่าเงินบิทคอยน์จะอยู่ที่ระดับ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,100,000 บาทต่อบิทคอยน์ภายในสิ้นปีนี้ มาร์ก โมเบียส เคยประเมินชัดเจนและถูกต้องว่า เงินบิทคอยน์จะตกค่ำเหลือเพียง 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 700,000 บาท ในปี 2022 หลังจากมีราคาเคลื่อนถึงระดับ 28,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 980,000 บาท
นายหยูเว่ย หย่าง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บิท มายนิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทขุดหาเหรียญเงินบิทคอยน์ มองว่า ค่าเงินบิทคอยน์ในปี 2024 จะเคลื่อนไหวสูงสุดที่ระดับ 75,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,625,000 บาท โดยในปี 2024 มีช่วงเคลื่อนไหวระหว่าง 25,000-75,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 875,000- 2,625,000 บาท และในปี 2025 มีช่วงเคลื่อนไหวระหว่าง 45,000-130,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,575,000- 4,550,000 บาท อย่างไรก็ตาม ใยขณะที่แนวโน้มค่าเงินบิทคอยน์จะสูงขนาดนี้ แต่ไม่ใช่นักลงทุนทุกคนจะมีกำไรสูงตาม เนื่องจากตลาดเงินบิทคอยน์จะยังคงมีความผันผวนสูง และธรรมชาติของมนุษย์มีระหว่างความโลภและความกลัวตลอดเวลา ส่งผลมีความไม่แน่นอนสูง
นายเจมส์ บัทเทอร์ฟิลล์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยของคอยน์แชร์ส (CoinShares) กล่าวสภาพพื้นฐานตลาดเงินบิทคอยในปีนี้ 2024 จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้มการอนุมัติของก.ล.ต.สหรัฐเกี่ยวกับอีทีเอฟบิทคอยน์ จึงคาดการณ์ว่าจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอีก 20% จากค่าเงินบิทคอยน์ในปัจจุบัน หรือลงทุนเพิ่มราว 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 105,000 ล้านบาท ดังนั้นแนวโน้มค่าเงินบิทคอยน์จะเคลื่อนไหวไปถึงระดับ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,800,000 บาทในปี 202 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.5 ล้ายบาท
สำหรับระดับราคาเงินบิทคอยน์ที่จะเคลื่อนไหวสูงถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3,500,000 บาทนั้น ประกอบด้วย นายแอนโทนี เทรนเชฟ ผู้ร่วมก่อตั้งเน็กซ์โซ (Nexo) ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มซื้อขายเงินคริปโทฯ มองว่า 2 ปัจจัยบวกแรง ได้แก่ รอบสิ้นสุดภาวะค่าเงินบิทคอยน์ตกต่ำถึงครึ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นในทุกๆ 4 ปี และแนวโน้มการอนุมัติกองทุนดัชนีเงินบิทคอยน์ หรืออีทีเอฟบิทคอยน์จากก.ล.ต.สหรัฐ ทำให้ประเมินว่าบิทคอยน์จะสูงขึ้นถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3,500,000 บาทในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายแอนโทนี เทรนเชฟ เคยคาดการณ์ว่าในปี 2022 เงินบิทคอยน์จะสูงถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3,500,000 บาท แต่ในที่สุดก็ไม่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ส และศาสตราจารย์หญิง แครอล อเล็กซานเดอร์ แห่งมหาวิทยาลัยซัสเส็กส์ หรือ University of Sussex ก็มีการคาดการณ์ในระดับราคาเดียวกันด้วยว่าในปี 2024 จะมีราคาที่ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
โดยเฉพาะศาสตราจารย์หญิง แครอล อเล็กซานเดอร์ เคยคาดการณ์ว่า ในปี 2022 บิทคอยน์จะตกต่ำมาอยู่ที่ระดับ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 350,000 บาท ปรากฏว่าในปีนั้น ค่าเงินบิทคอยน์ดำดิ่งลงแตะต่ำสุดของปีที่ระดับ 15,480 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 541,800 บาท ในขณะที่ ปี 2023 ศาสตราจารย์หญิงคนดังกล่าวคาดการณ์ว่า จะเคลื่อนไหวถึงระดับ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,750,000 บาทนั้น ปรากฏว่ามีราคาสูงขึ้นถึง 44,700 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,564,500 บาทเมื่อเดือนธันวาคมปีผ่านไป
ด้านแมททริกซ์พอร์ท (Matrixport) ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการการเงินด้านเงินคริปโทฯ ประเมินว่าในช่วงเดือนเมษายนปี 2024 เงินบิทคอยน์จะมีการเคลื่อนไหวระดับ 63,140 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,209,000 บาท และภายในสิ้นปีนี้ จะอยู่ที่ระดับ 125,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4,375,000 บาท
ทั้งนี้ นายเซธ กินนส์ หุ้นส่วนร่วมบริหารจัดการ คอยน์ฟันด์ (CoinFund) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุน หรือ Joint Venture คาดการณ์ว่า ในปีนี้ ค่าเงินบิทคอยน์จะพุ่งทะยานสูงสุดถึง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 17.5 ล้านบาท สาเหตุจากการเคลื่อนไหวของเงินบิทคอยน์จะอยู่ในทางตรงกันข้ามกับผลตอบแทนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับจากนี้ไปจะอยู่ในทิศทางขาลง ส่งผลดีต่อค่าเงินบิทคอยน์ นอกจากนี้ การอนุมัติจัดตั้งกองทุนอีทีเอฟเงินบิทคอยน์ และในอนาคตจะมีการจัดตั้งกองทุนอีทีเอฟเงินอีเธอร์ด้วย ดังนั้น ช่วงราคาเงินบิทคอยน์ในปีนี้จะอยู่ระหว่าง 250,000-500,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 8,750,000-17,500,000 บาท
