นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “จากผลประกอบการปี 2567 ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในทุกมิติ ทั้งรายได้ กำไรสุทธิ ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น จ่ายปันผล และนิวไฮในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า Retail-Led Mixed-Use Development คือกลยุทธ์ที่ถูกต้องในการสร้างความยั่งยืน และความสำเร็จให้กับธุรกิจ Retail และ Non-retail เติบโตเคียงข้างกันอย่างแข็งแกร่ง โดยมีศูนย์การค้าเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมโยงกับธุรกิจหลักอื่นๆ ได้แก่ ที่อยู่อาศัย, โรงแรม และอาคารสำนักงาน ทั้งหมดผนึกกำลังกันเป็น ‘The Ecosystem for All’ ระบบที่แข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างประโยชน์และความเติบโตให้กับทุกภาคส่วนทั้งลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน สังคมและชุมชนไปด้วยกัน”
นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ Chief Finance, Accounting and Risk Management Officer บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ผลประกอบการใน ปี 2567 ของบริษัทฯ เติบโตดีเยี่ยมในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งศูนย์การค้า โครงการที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศ โดยบริษัทฯ ได้รายงานงบการเงินปี 2567 ด้วยตัวเลขที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีรายได้รวมที่ 51,843 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 16,729 ล้านบาท เติบโต 11% จากปีก่อนหน้า พร้อมสร้างผลตอบแทนผู้ถือหุ้นสูงถึง 15% รวมทั้งประกาศจ่ายปันผลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2.1 บาทต่อหุ้น* โดยบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าลงทุนสร้างการเติบโตและผลตอบแทนระดับสูงแก่ผู้ถือหุ้นต่อไป สะท้อนวิสัยทัศน์ระยะยาวของบริษัทในการดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืน ลงทุนต่อเนื่อง มีความมั่นคงทางการเงิน ด้วยวินัยทางการเงินที่ดี และกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ดีที่ให้ผลตอบแทนแก่ทุก Stakeholders”(* ตัวเลขเพื่อนำเสนอและรอการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น)
Retail-Led Mixed-Use Development ดันให้ทุกกลุ่มธุรกิจโตนิวไฮ สวนกระแสความท้าทายของตลาดRetail ร้านค้ายอดขายเติบโต จำนวนทราฟฟิกศูนย์การค้าและนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมหาศาล: ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการเป็น Top Retail Destination เป็นศูนย์รวมแบรนด์ระดับโลกที่ครอบคลุมที่สุด บริษัทฯ สร้างความเชื่อมั่นให้แบรนด์ผู้เช่ามั่นใจ และเลือกที่จะขยายธุรกิจไปกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ทำให้ธุรกิจของแบรนด์ผู้เช่าเติบโตและมียอดขายดีที่สุดในระดับ Top Rank, ความมุ่งมั่นในการเป็นแลนด์มาร์ค Festive Destination สร้างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จทุกสาขาทั่วประเทศ ตลอดทั้งปี ดึงดูดผู้คนให้มาใช้บริการที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศกว่า 500 ล้านครั้งต่อปี พร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนกว่า 67 ล้านครั้งต่อปี โดยนักท่องเที่ยวกว่าครึ่งที่เข้ามาในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นชาวจีน, รัสเซีย, ซาอุดีอาระเบีย, มาเลเซีย และหลากหลายชาติทั่วโลก ต้องมาที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ส่งผลให้ Tourist Malls ทั่วประเทศมียอดทราฟฟิกเติบโต Double Digits และประกาศความสำเร็จในการเปิด 2 มิกซ์ยูสยิ่งใหญ่ ทั้ง เซ็นทรัล นครสวรรค์ และเซ็นทรัล นครปฐม โดยได้รับเสียงตอบรับล้นหลาม
ผลงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในธุรกิจที่อยู่อาศัย, ออฟฟิศ, โรงแรม: ธุรกิจ Non-retail เติบโตอย่างต่อเนื่อง สร้างผลงานดีที่สุดควบคู่ไปกับรายได้ธุรกิจ Retail ที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
Residence บ้านและคอนโดมิเนียม โตทะยานสวนตลาดอสังหาฯ: คอนโดมิเนียม ติดศูนย์การค้าเซ็นทรัลได้รับความนิยมสูง ทั้งเอสเซ็นท์ นครสวรรค์ และ เอสเซ็นท์ นครปฐม ขายหมดอย่างรวดเร็ว นับเป็นการเติบโตท่ามกลางความท้าทาย สวนทางภาพรวมตลาดวงการอสังหาฯ
Office แข็งแกร่งสวนตลาด Occupancy Rate 90% (ณ สิ้นปี 2567): ออฟฟิศติดศูนย์การค้า ตอบโจทย์การใช้ชีวิตครบวงจรที่ดีที่สุด ทั้ง 10 แห่งรอบกรุงเทพฯ และ centralwOrld Offices ใจกลางเมืองได้รับความนิยมสูง
Hotel สร้างรายได้ New Record เสริมแกร่งโครงการมิกซ์ยูส: นำโดย Hilton Pattaya ทำอัตราค่าห้องพัก รายได้เฉลี่ยต่อห้อง และรายได้สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์, โรงแรมเซ็นทารา โคราช, อยุธยา, อุดร, อุบล ล้วนมี Performance ดีเยี่ยม รวมถึงการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ล่าสุด Hilton Garden Inn Rayong บนทำเลศักยภาพติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล ระยอง ไลฟ์สไตล์ เดสติเนชั่นที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยมหภาคเชิงบวกที่ช่วยส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจ จาก 4 ปัจจัย คือ 1) การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะด้านการลงทุนในโครงการต่าง ๆ 2) การเติบโตอย่างต่อเนื่องของภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุน 3) การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และ 4) การส่งออกที่คาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องในปี 2568 และการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคที่คาดว่าจะสามารถเติบโต 3.3% จากปี 2567
เซ็นทรัลพัฒนา เชื่อมั่นแนวโน้มเศรษฐกิจในทิศทางบวก เดินหน้าลงทุนตามแผนธุรกิจที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง มุ่งขยายโครงการในพื้นที่ต่างๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย สำหรับปี 2568 บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าด้วยกลยุทธ์การบริหารและฐานะการเงินแข็งแกร่ง สร้างความเติบโต ลงทุนระยะยาวตามแผนสร้างการเติบโตในอนาคต โดยเตรียมเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสระดับโลก “Central Park” ทั้งในส่วนศูนย์การค้าและอาคารสำนักงาน และโครงการ “เซ็นทรัล กระบี่” เพื่อเป็นแลนด์มาร์คใหม่ที่ตอบโจทย์ครบทุกมิติ และยกระดับศักยภาพเมืองท่องเที่ยวระดับโลก
ณ สิ้นไตรมาส 4 ปี 2567 เซ็นทรัลพัฒนา มีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารงานทั้งหมด 42 โครงการ (ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 40 แห่ง – ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 16 โครงการ ต่างจังหวัด 23 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ; ศูนย์การค้าเอสพลานาด 1 แห่ง; และศูนย์การค้าเมกาบางนา อีก 1 แห่ง) คอมมูนิตี้ มอลล์ 15 โครงการ มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 2.3 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ ยังบริหารศูนย์อาหาร 37 แห่ง; อาคารสำนักงาน 10 อาคาร; โรงแรม 10 แห่ง; โครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงรวม 43 โครงการ
เซ็นทรัลพัฒนาตอกย้ำผู้นำองค์กรยั่งยืนระดับโลก ดำเนินตามเป้าหมายสู่องค์กร Net Zero 2050 โดยติดอันดับ Dow Jones Best in Class Indices ในกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากจำนวนบริษัททั้งหมด 244 บริษัททั่วโลก และเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีโลก DJSI World ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 และใน DJSI Emerging Market ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้ริเริ่มนวัตกรรมด้าน Finance & Sustainability โดยเป็นอสังหาริมทรัพย์ไทยรายแรกที่ริเริ่มออก ‘Green Bond’ และ ‘Sustainability-Linked Loan’ พร้อมคว้ามาตรฐานหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating ระดับ ‘AAA’