จากการที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (7 พ.ค.) ได้เห็นชอบ 3 มาตรการลดค่าใช้จ่ายประชาชน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยมาตรการที่น่าสนใจ คือ ตรึงราคาน้ำมันดีเซล ไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร หลังสิ้นสุดมาตรการลดภาษีสรรพสามิต โดยให้กองทุนน้ำมันฯ เข้าไปอุ้มแทน นั่นเท่ากับว่า ราคาน้ำมันดีเซลมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก 2 บาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 30.94 บาทต่อลิตร ซึ่งก็สร้างแรงกระเพื่อมไปยังกลุ่มผู้ใช้น้ำมันดีเซลทันที
กลุ่มแรกที่ออกมาแสดงความคิดเห็น คือ กลุ่มรถบรรทุก โดยนายสิรภพ พิชัยรัตนพงศ์ เลขาธิการสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เห็นว่า เห็นราคา 33 บาท สูงไป โดยเห็นว่ารัฐบาลต้องคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจที่ยังตกต่ำ ข้าวของขายไม่ดี การขนส่งไม่ดี การส่งออกไม่ดีด้วย ซึ่งราคาที่เหมาะสม คือ 32 บาทต่อลิตร โดยทางสหพันธ์การขนส่งทางบกฯ ทจะมีการหารือถึงผลกระทบในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้
อีกกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบรุนแรง คือ กลุ่มชาวนา ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้น้ำมันดีเซล และกำลังเข้าสู่ฤดูการทำนาปี ปัจจุบันต้นทุนการทำนา เฉพาะในส่วนของราคาน้ำมันอยู่ที่ 750 บาทต่อไร่ หากราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นเป็น 33 บาท ต้นทุนนาจะเพิ่มขึ้นทันที 33 บาท จาก 750 บาทเป็น 825 บาทต่อไร่
ส่วนอีก 2 มาตรการ ที่ ครม. เห็นชอบ คือ ตรึงราคาก๊าซ LPG ไว้ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม เพื่อช่วยลดภาระให้ครัวเรือน โดยใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ เข้าอุดหนุน และตรึงค่าไฟฟ้าช่วยประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 บาท ให้จ่ายค่าไฟฟ้าในอัตรา 3.99 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบันค่าไฟอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย มีผลในงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2567 ครอบคลุม 17 ล้านครัวเรือน ใช้งบกลางอุดหนุน 1,800 ล้านบาท โดยค่าไฟที่เรียกเก็บไปในบิลค่าไฟงวดเดือนพฤษภาคม การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค คืนให้ประชาชนในบิลงวดถัดไป
