เชลล์ (Shell) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซของอังกฤษเปิดเผยเมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) ว่า อุปสงค์ก๊าซธรรมชาติเหลว ( LNG ) ทั่วโลก จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ภายในปี 2583 เนื่องจากจีนและบรรดาประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้ LNG เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เชลล์ซึ่งเป็นผู้ค้า LNG รายใหญ่ที่สุดในโลกได้ระบุในแนวโน้มตลาด LNG ประจำปี 2567 ว่า ตลาดยังคงมีโครงสร้างที่ตึงตัว โดยที่ทั้งราคาและความผันผวนของราคายังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ซึ่งจำกัดการขยายตัวของตลาด LNG
อุปสงค์ก๊าซธรรมชาติได้พุ่งถึงจุดสูงสุดในบางภูมิภาค เช่น ยุโรป, ญี่ปุ่น และออสเตรเลียในทศวรรษ 2553 อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ก๊าซธรรมชาติทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทางเชลล์คาดการณ์ว่า จะสูงถึงประมาณ 625-685 ล้านตันต่อปีภายในปี 2583 ซึ่งต่ำกว่าที่เชลล์ได้คาดการณ์ไว้ในปี 2566 เล็กน้อย ซึ่งคาดว่าอุปสงค์ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 700 ล้านตันภายในปี 2583
นายสตีฟ ฮิลล์ รองประธานบริหารของเชลล์ เอเนอร์จี (Shell Energy) กล่าวว่า “แม้สถานการณ์ปัจจุบันจะค่อนข้างโอเค แต่ตลาด LNG ก็ยังคงเปราะบาง โดยตลาดมีโครงสร้างที่ตึงตัว แต่ก็ถูกปรับสมดุลจากความอ่อนแอของตลาดในระยะสั้น ซึ่งเราคาดว่า ความเปราะบางและความผันผวนจะดำเนินต่อไป“
ทั้งนี้ อุปสงค์ LNG ทั่วโลกนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ภายในปี 2583 เนื่องจากจีนและบรรดาประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้ LNG เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม จีนอาจเป็นผู้นำด้านการขยายตัวของความต้องการ LNG ในทศวรรษนี้ โดยได้รับแรงผลักดันจากความพยายามของจีนในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนโดยเปลี่ยนจากการใช้ถ่านหินไปเป็นก๊าซธรรมชาติ