เทสลา อินคอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการประชุมทบทวนผลงานพนักงานที่จัดขึ้นรายครึ่งปี ในขณะเดียวกัน มีรายงานว่าฝ่ายทรัพยากรบุคคลส่งคำถามไปยังผู้บริหารระดับผู้จัดการของแต่ละสายงานว่าตำแหน่งพนักงานแต่ละคนในสายงานนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดหรือไม่ อย่างไร จากความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เป็นที่คาดการณ์ว่า เทสลาเตรียมตัดลดค่าใช้จ่ายด้วยการปลดพนักงานงาน จากข้อมูลสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2023 พบว่าเทสลามีพนักงานรวมกัน 140,473 คนทั่วโลก
เทสลาเพิ่มการจ้างงานอย่างรวดเร็ว และมากถึง 2 เท่านับตั้งแต่ปี 2020 โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการเพิ่มจ้างงานมากถึง 8 เท่าเมื่อเทียบกับจำนวนพนักงานเทสลาในปี 2016 ซึ่งเป็นปีก่อนที่เทสลาจะเปิดตัวรุ่นโมเดล 3 ในตลาดรถอีวี แม้แต่ในปี 2023 ผ่านไป จำนวนพนักงานเทสลาเพิ่มขึ้นเกือบ 10% ท่ามกลางฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคลของเทสลามีการปรับลดพนักงานเฉพาะในบางสายงานในปีผ่านไป
ด้านราคาหุ้นบริษัทเทสลา อินคอร์ปอเรชั่น มีราคาปิดที่หุ้นละ 190.61 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 6,862 บาทต่อหุ้นในคืนผ่านมา ปรับเพิ่มขึ้น +3% อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นเทสลาถูกเทขายตั้งแต่ต้นปีนี้ ทำให้มีราคาตกต่ำมากถึง -26%
ก่อนหน้านี้ในช่วงสิ้นเดือนมกราคมผ่านมา เทสลาประกาศผลประกอบการปี 2023 พบว่า ยอดขายสิ้นสุดไตรมาสที่ 4 ปีผ่านไป สามารถทำได้ 484,507 คัน ไม่เพียงจะทำสถิติยอดขายสูงเป็นประวัติการณ์ของเทสลาเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวเลขยอดขายสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะทำยอดขายในไตรมาสที่ 4 ที่จำนวน 483,137 คัน ส่งผลให้ตลอดทั้งปี 2023 ผ่านไปนั้น เทสลามียอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั่วโลกสะสมเป็น 1.8 ล้านคัน ทำให้เทสลาขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของโลกในยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ตามหลังบีวายดีที่ครองอันดับ 1 ของโลกด้วยยอดขายสูงถึง 3.01 ล้านคัน
ก่อนหน้านี้ นายอีลอน มัสค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทสลา เคยกล่าวว่า ศักยภาพของแบรนด์เทสลาสามารถที่จะผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเทสลารวมทั่วโลกในปี 2023 ได้ที่ 2 ล้านคัน อย่างไรก็ตาม ยอดขายรวมทั่วโลกในปีผ่านไปกลับต่ำกว่าที่คาดไว้ราว 11% ท่ามกลางการใช้กลยุทธ์สงครามราคาหลายครั้งหลายครานับตั้งแต่กลางปีจนถึงปลายปีผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ในแง่การทำรายได้รวมและกำไรระหว่างแบรนด์เทสลาและบีวายดี กลับพบว่า เทสลามีทั้งรายได้รวมและผลกำไรที่สูงกว่าค่ายบีวายดีอย่างชัดเจน เนื่องจากเทสลาตั้งราคาขายสูงกว่าบีวายดีในทุกรุ่นด้วยเป้าหมายกลุ่มผู้ใช้รถไฟฟ้าระดับพรีเมียมทั่วโลก นอกจากนี้ เทสลาเน้นทำกำไรสูงจาก 2 รุ่นสำคัญ ได้แก่ โมเดลวาย(Y) ในแบบรถเอสยูวี และโมเดล 3 ในประเภทรถเก๋ง ซึ่งยอดขายทั้ง 2 รุ่นนี้ รวมคิดเป็น 95% ของยอดขายรวมในไตรมาสที่ 4 ปี 2023