สำนักงานสถิติแห่งชาติประเทศจีน รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้พบว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคมขยายขยายตัวขึ้นระดับ 4.9% แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายนกลับพบว่า ตัวเลขดังกล่าวลดลงจากที่เคยเพิ่มขึ้น 6.5% นอกจากนี้ยังตกต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายขยายตัวที่ระดับ 5.5% ที่สำคัญ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 ส่งผลกลายเป็นตัวเลขที่ตกต่ำมากที่สุดในรอบ 1 ปี 1 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2024
ตัวเลขยอดขายปลีกทั่วประเทศจีนในเดือนตุลาคมพบว่าเติบโตเพียง 2.9% ส่งผลเป็นการสะท้อนถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวจีนภายในประเทศที่อ่อนแอลงมากที่สุดในรอบกว่า 2 เดือนที่ผ่านมาหรือนับตั้งแต่สิงหาคม 2025 นอกจากนี้ยังเป็นตัวเลขยอดขายปลีกที่ลดต่ำลงจากเดือนกันยายน ซึ่งเคยเติบโตที่ระดับ 3.0% ที่สำคัญ ยังเป็นตัวเลขที่ลดต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะขยายตัวที่ระดับ 2.8% และเป็นตัวเลขยอดขายปลีกที่ชะลอตัวติดต่อกันถึง 5 เดือนผ่านผ่านมา ส่งผลทำสถิติภาคค้าปลีกในจีนที่ซบเซาต่อเนื่องยาวนานที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021
ตัวเลขการลงทุนในทรัพย์สินคงที่ เช่นอสังหาริมทรัพย์ ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ พบว่าตกต่ำลง -1.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เป็นการตกต่ำของการลงทุนในทรัพย์สินคงที่ที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และตัวเลขดังกล่าวยังแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะหดตัวเพียง 0.8% ในขณะที่ตัวเลขดังกล่าวในช่วงระยะเวลาเก้าเดือนแรกหรือตั้งแต่มกราคมถึงกันยายนที่ผ่านไปตกต่ำลง -0.5%
สำหรับภาพอสังหาริมทรัพย์ของจีนซึ่งเป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่อันดับสองของโลกพบว่าราคาขายที่อยู่อาศัยหลังใหม่ในเดือนตุลาคมลดลง -0.5% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายนที่ผ่านไปส่งผลทำสถิติเป็นราคาที่อาศัยหลังใหม่ตกต่ำในรอบ 1 ปี 1 เดือน หรือนับตั้งแต่ตุลาคมปี 2024 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ตัวเลขดังกล่าวยังเป็นราคาที่อาศัยหลังใหม่ที่สุดต่ำลงต่อเนื่องจากเดือนกันยายนที่ชะลอตัว -0.4% นอกจากนี้เมื่อเทียบตัวเลขดังกล่าวกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาพบว่า ราคาที่อยู่อาศัยหลังใหม่ในเดือนตุลาคมของจีนดำดิ่งลงมากถึง -2.2% ซึ่งเท่ากับในเดือนกันยายนที่หดตัวถึง -2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024
สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน ซึ่งโดยปกติในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมของทุกปี ถือว่าจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน ดังนั้น ตัวเลขดังกล่าวใน 2 เดือนของปีนี้ ซึ่งชะลอตัวมากที่สุดในรอบกว่าหนึ่งปี ได้ตอกย้ำถึงภาวะวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนที่ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนแต่อย่างใด
นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ทั้งที่อยู่ในจีน และในต่างประเทศ ล้วนประเมินไปในทิศทางเดียวกันว่าเศรษฐกิจจีนเผชิญปัญหาด้านโครงสร้างอย่างชัดเจน ซึ่งยากและต้องใช้เวลานานในการที่จะแก้ไขปัญหาภาวะเศรษฐกิจของจีนในระยะยาว
ทั้งนี้ เมื่อเดือนกันยายน 2025 ผ่านไป รัฐบาลประเทศจีนได้อนุมัติการทุ่มเทเม็ดเงินงบประมาณสูงถึง 1 ล้านล้านหยวน หรือ 141,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.65 ล้านล้านบาท เพื่อใช้เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ซึ่งคงต้องติดตามประเมินผลที่จะเกิดขึ้นจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งล่าสุด
อย่างไรก็ตามในตลอดระยะเวลาห้าถึงหกปีที่ผ่านมามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนได้มีการนำมาใช้เป็นจำนวนหลายครั้งมากมายแต่ก็ยังส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจของประเทศจีนชะลอตัวและซบเซาซึ่งคาดว่าเป้าหมายการเติบโตเศรษฐกิจจีนในปี 2025 ของรัฐบาลที่ตั้งไว้ระดับ 5% ยังคงอยู่ในแนวโน้มความเป็นไปได้ที่จะแตะระดับดังกล่าว