นายสุพจน์ สุขพิศาล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัจจัยหลักในขณะนี้ที่กระทบอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในไทย คือ ธนาคารต่างๆไม่ปล่อยสินเชื่อให้ประชาชน หรือผู้ซื้อรถปิกอัพ เนื่องด้วยหนี้ครัวเรือนที่เป็นปัญหาใหญ่คิดเป็น 90% ของจีดีพีไทย และยังมีหนี้นอกระบบอีกกว่า 10% ทำให้รายได้ที่ออกมาไม่พอกับการใช้หนี้ การจ่ายหนี้ขั้นต่ำก็เพิ่มขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 5 ปี ยืดยาวเป็น 10 ปี ดังนั้น 1-2 ปีนี้ ก็ยังแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนไม่ได้ จึงมองว่าปัจจัยหนี้ครัวเรือนเป็นต้นเหตุมากที่สุด
อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก ดร.สาโรจน์ วสุวานิช กล่าวว่า ในไตรมาส 2 ปีนี้ มีบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์หลายรายได้รับแจ้งการลดคำส่งการผลิตรถยนต์จากโรงงานผลิตรถยนต์หลายยี่ห้อ กลุ่มบริษัทผลิตชิ้นส่วนจึงปรับลดการผลิตตามไปด้วย หากมองยอดการผลิตรถยนต์ทั้งปีนี้ คาดการณ์ว่าจะลดลงประมาณ 20-25% เทียบกับปีผ่านมา คงต้องต้องรอดูช่วงครึ่งปีหลัง ถ้าเกิดอย่างนี้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จะอันตราย ขณะนี้ พนักงานส่วนใหญ่ไม่ต้องทำล่วงเวลา บริษัทบางแห่งลดวันทำงานของพนักงานลง เช่น ได้หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ จากเดิมต้องทำงานวันเสาร์ด้วย ทำให้ลดรายจ่ายประจำลงได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทจ่ายเงินเดือนเต็มจำนวน
นายสุพจน์ สุขพิศาล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ หรือ ส.อ.ท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดรถยนต์ในไทย ประกอบด้วยรถยนต์นั่ง กับรถกระบะ 1 ตัน สัดส่วนการผลิตอยู่ที่ 30% กับ 70% ตามลำดับ จึงหมายปริมาณการใช้ชิ้นส่วนในประเทศไทยของรถปิคอัพจะอยู่ที่มากกว่า 90% ของทั้งหมด จากกรณี 2 ค่ายรถยนต์ซูบารุ กับซูซูกิ ประกาศยกเลิกการผลิตรถยนต์ในไทยนั้น มีกระทบแต่ยังน้อยอยู่ โดยซูบารุนำชิ้นส่วนมาจากญี่ปุ่น และมาเลเซีย เพื่อนำมาพ่นสีในประเทศไทย เนื่องจากใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศอยู่ที่ระดับ 30% ที่เห็นได้ชัด คือ จะกระทบธุรกิจซัพพลายเชนที่ผลิต เบาะ ล้อ ยาง และกระจก เป็นต้น
นอกจากนี้ จากปัญหาดังกล่าวของ 2 แบรนด์ มองว่าจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนแน่นอน โดยเฉพาะแบรนด์ที่จะเข้ามาใหม่ เพราะไม่รู้ว่า 2 แบรนด์นี้มีเหตุปัจจัยของแบรนด์ ทั้งในเรื่องของการปรับกลยุทธ์ในเชิงภูมิภาค แต่ต้องอย่าลืมว่านักลงทุนมองอนาคตไม่เห็น จึงมองเรื่องความเชื่อมั่น ซึ่งแน่นอนว่าไม่เห็นอนาคตว่าอีก 3 ปี จะเป็นอย่างไร จะดีหรือกลับไปที่เดิมหรือกลับไป 2 ล้านคัน
ทั้งนี้ ยอดขายรถใหม่ลดลงถึง 40% โดยเฉพาะรถกระบะที่เดือนเมษายน หดตัวถึง 45.94% หนักสุดในรอบ 32 เดือนทำให้ทั้งปีคาดว่าจะทำได้แค่ 6-7 แสนคัน ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดในรอบ 10 ปี