โมเมนตัม เวิร์ค ซึ่งเป็นบริษัทบริการการปรึกษาการลงทุนแห่งหนึ่งในประเทศสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ในปี 2024 ผ่านไป แบรนด์สินค้าอาหารและเครื่องดื่มสัญชาติจีนรวมทั้งหมด 60 ยี่ห้อ เช่น ชานมมี่เสียว ร้านกาแฟลัคกิ้งคอฟฟี่ ร้านสุกี้ไห่ตี๋เหล่า เข้ามาทำธุรกิจในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลมีสาขาของแบรนด์สินค้าอาหารและเครื่องดื่มสัญชาติจีนรวมกันกว่า 6,100 สาขาในอาเซียน ดังนั้น จำนวนสาขาทั้งหมดของแบรนด์สัญชาติจีนในอาเซียนเพิ่มสูงถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่มีทั้งหมดกว่า 1,800 สาขาในอาเซียน
สิงคโปร์ และมาเลเซีย เป็น 2 ประเทศที่มีจำนวนแบรนด์สัญชาติจีนมากที่สุดในอาเซียน สาเหตุจากสัดส่วนประชากรในทั้ง 2 ประเทศสามารถพูดภาษาจีนกลางมีมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในอาเซียนด้วยกัน ส่งผลต่อความง่ายในการเข้าถึงผู้บริโภคในสิงคโปร์และมาเลเซีย ขณะที่ อินโดนีเซียและเวียดนาม เป็น 2 ประเทศรวมกันที่มีสาขาของแบรนด์สัญชาติจีนถึง 2 ใน 3 หรือกว่า 66% ของทั้งหมด โดยเฉพาะแบรนด์จีนที่เล่นตลาดระดับล่างในอินโดนีเซียและเวียดนาม
สาเหตุจากการแข่งขันของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มภายในประเทศจีนที่รุนแรงถึงขั้นหายใจรดต้นคอนั้น ทำให้แบรนด์ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในทุกๆด้านของการปฎิบัติงาน ที่ครบวงจรของธุรกิจประเภทนี้ เปิดใหม่ธุรกิจสามารถแข่งขันได้อยู่รอดได้ภายในประเทศนอกจากนี้ยังมองโอกาสในการขยายธุรกิจออกสู่ต่างประเทศ เพื่อทำให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่องและชดเชยการแข่งขันที่รุนแรงในประเทศจีน
ในขณะเดียวกันจะพบว่าการทานอาหารนอกบ้านในตลาดอาเซียนมีการฟื้นตัว หลังจากที่สิ้นสุดวิกฤตการณ์โรคระบาด โควิด-19 มูลค่าตลาดรับประทานอาหารนอกบ้านใน 6 ประเทศชั้นนำในอาเซียน ได้แก่ ไทย เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ เมื่อปี 2023 เติบโตขึ้นเป็น 127,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.4 ล้านล้านบาท นั่นหมายความว่าตลาดดังกล่าวได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโลกระบาดโควิด-19 ซึ่งในปี 2019 มีมูลค่าอยู่ที่ 115,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4 ล้านล้านบาท และฟื้นตัวจากในช่วงระบาดอย่างรุนแรงที่สุดในปี 2021 ที่ 80,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.8 ล้านล้านบาท ในขณะที่ คาดการณ์ว่าตลาดรับประทานอาหารนอกบ้านจะขยายตัวปานกลางในปี 2024 ผ่านไปด้วยมูลค่า 132,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.6 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ มูลค่าตลาดเครื่องดื่มและอาหารใน 11 ประเทศที่อยู่ในกลุ่มอาเซียนคิดเป็นเพียง 17% ของมูลค่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่อยู่ในประเทศจีนนั้น ตลาดดังกล่าวในอาเซียนกลับเป็นตลาดที่มีการแข่งขันน้อยกว่ามาก ในมุมมองของเจ้าของแบรนด์ในธุรกิจดังกล่าว