นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะแนะนำรถรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2567 เมื่อปีผ่านมา ตลาดรถยนต์นั่งเช่น ยาริส เอทีฟ ถือเป็นปรากฎการสร้างอิมแพ็กต่อเนื่องมาในปีนี้ ส่งผลให้ตัวเลขยอดขายค่อนข้างสูง ในปี 2567 มองว่า จะกลับไปสอดคล้องสภาพตลาดที่ควรจะเป็นในปี 2565 ตัวเลขยอดขายตลาดรถยนต์โดยรวมปรับตัวลดลง ส่วนโตโยต้ามีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุด คือ 34.3% ทั้งๆ ที่เราไม่มีรถยนต์ไฟฟ้า แต่ก็สามารถเติบโตขึ้นมาได้ คาดว่าจากแผนการเตรียมรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาด น่าจะทำให้โตโยต้ายังคงครองยอดขายอันดับหนึ่งในประเทศไทยไว้ได้”
สำหรับในปี 2567 โตโยต้าตั้งเป้าให้ได้ส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็น 34.6% หรือมียอดขายไม่น้อยกว่า 277,000 คัน เพิ่มขึ้น 4% จากตลาดรวมที่ 800,000 คัน โดยในปี 2566 ผ่านไป โตโยต้า มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 34.3% หรือมียอดขาย 265,949 คัน ซึ่งลดลง 8% จากปีก่อนจากตลาดรวมที่ 775,780 คัน
ในปีนี้ โตโยต้าวางแผนแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรถที่เป็นรุ่นขายหลักอย่างรุ่นยาริส เอทีฟ ก็ยังคงมีความต้องการค่อนข้างสูงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ รุ่นยาริส ครอส อีกทั้งรถปิกอัพไฮลักซ์ แชมป์ ก็ได้รับความนิยมจากลูกค้า ทำให้รถทั้ง 3 รุ่น เป็นผลิตภัณฑ์หลักในการทำตลาดปีนี้
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวต่อไปว่า โตโยต้าเผชิญปัญหาในส่วนของผลิตภัณฑ์ตลอดช่วงที่ผ่านมา แต่ยังถือเป็นความโชคดี รถยนต์รุ่นที่เกิดปัญหานั้น มีจำนวนการขายที่น้อยมากเพียงแค่ 1% ของยอดขายรถทั้งหมด และเป็นกลุ่มรถจดทะเบียนเพื่อการพาณิชย์ หรือรถสาธารณะ ซึ่งรถกลุ่มนี้หรือรถตู้ มีทั้งจดทะเบียนป้ายเหลือง และป้ายธรรมดา นอกจากนี้ ยอดขายหลักคือป้ายธรรมดาเยอะกว่ารถป้ายเหลือง โตโยต้ายังไม่ให้มีการส่งมอบดังนั้น ยอดขายไม่กระทบ
สำหรับรุ่นเวลอซที่หยุดรับจองและส่งมอบไปก่อนหน้านี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการ ซึ่งล่าช้ากว่าแผนงานเดิมไปเล็กน้อย เนื่องจากติดขัดเอกสารบางอย่าง คาดว่า จะกลับมาเปิดรับจองได้ในเร็วนี้อย่างแน่นอน
ในด้านเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปี 2567 คาดว่าผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่ำ ภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าที่ยังคงชะลอตัว ส่งผลให้โตโยต้าตั้งเป้าปริมาณการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 358,800 คัน หรือลดลง 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และได้ตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของปี 2567 อยู่ที่ราว 615,700 คัน หรือลดลง 0.9% จากปีที่ผ่านมาด้วย