โบรกฯมองหุ้นไทยหืดขึ้นคอ เสี่ยงลงต่อ หลังจากดัชนีหลุดแนวรับ 1,200 จุด มองจุดวัดใจ 1,000 จุด มีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 1,500 จุดได้ใน 2-3 ปี

นายกวี ชูกิจเกษม ประธานเจ้าหน้าที่สายการบริหารพอร์ตการลงทุน บล.พาย เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยปี 68 มีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงได้ต่อหลังจากดัชนีหลุดแนวรับ 1,200 จุด ถูกกดดันจากความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก รวมทั้งเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตช้า แต่ดาวน์ไซด์จำกัดไม่น่าหลุดแนวรับ 1,000 จุด และคาดว่าภายใน 2-3 ปี ดัชนีมีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 1,500 จุดได้ ขณะที่เป้าหมาย SET สิ้นปี 68 อยู่ที่ 1,200 จุด

นายกวี ระบุว่าปีนี้จะเป็นปีแห่งความเสี่ยง ทั้งหุ้นไทยที่เศรษฐกิจไม่โต และหุ้นโลกที่อาจเกิด Take Profit หลังจากที่ปรับขึ้นมาจากความคาดหวังเรื่องของ AI ว่าจะสร้างกำไรได้ แต่จริง ๆ แล้วมันอาจจะไม่ได้สร้างกำไรอย่างที่คาดหวัง ทำให้ตลาดลง กดดันตลาดหุ้นไทยลงมาสร้างฐานแถว 1,100-1,200 มันจะเป็นจังหวะในการสะสมและรอฟื้นตัวปีหน้า

ส่วนปัจจัยเสี่ยงในปีนี้ คือ ปัจจัยต่างประเทศ อาทิ สงครามการค้า สงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งสงครามจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างแน่นอน สะท้อนจากยุโรปที่เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว ประกอบกับที่จีนที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่สหรัฐยังค้ำเศรษฐกิจโลกอยู่ อย่างไรก็ตามจากความท้าทายด้านเทคโนโลยีจากจีน ที่พัฒนาเทคโนโลยี AI พลายแพลตฟอร์ม ทำให้การแข่งขันด้านเทคโนโลยีจะยิ่งกดดันมากขึ้น และอาจกดดันเศรษฐกิจ และหุ้นสหรัฐ ซึ่งหากหุ้นสหรัฐปรับลดลง เศรษฐกิจเริ่มชะลอ จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย

ประกอบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยประเทศ ซึ่งรัฐบาลคาดหวังว่า GDP ปี 68 จะเติบโต 3% ขณะที่บล.พาย มองว่าเศรษฐกิจโต 2.5% EPS อยู่ที่ 92 บาท ต่ำกว่า Consensus เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก รวมทั้งนโยบายของภาครัฐไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นได้แน่นอน โดยไตรมาส 4/67 ที่มีการแจกเงินจะเห็นว่าเศรษฐกิจไม่กระตุกต่ำกว่าที่คาด และแสดงให้เห็นว่าการแจกเงินไม่ได้เป็นมาตรการที่ดี รวมทั้งการบริโภคน้อยลงจากปัญหาหนี้ครัวเรือน รัฐบาลคงมีการลงทุนต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามมองว่าต่อให้ลงทุนเพิ่มขึ้นก็ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เนื่องจากงบลงทุนมีสัดส่วนเพียง 7-8% ของ GDP รวมทั้งการส่งออกที่จะมีความเสี่ยงจากประเด็นสงครามการค้า จากประเด็นดังกล่าวมีความเสี่ยงในทุกมุมมองของ GDP ดังนั้นโอกาสที่ตลาดหุ้นจะฟื้นในปีนี้ไม่มี

อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาแล้ว 2 ปีต่อเนื่อง ทำให้ Valuation ถูกมาก โดยมี P/BV 1.2 เท่า ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลขึ้นมาที่ 4% แต่ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงได้ หากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยจากสถิติในอดีดตลาดหุ้นเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจจะปรับตัวลดลงประมาณ 50% เช่นเดียวกับตลาดโลก ซึ่งปัจจุบันตลาดหุ้นไทยปรับลดลง 30% จาก 1,700 จุดสู่ 1,200 จุด มีโอกาสปรับลดลงอีก 20% ซึ่งเป็นดาวน์ไซด์ ขณะที่ดาวน์ไซด์สหรัฐยังมีอีกมาก เนื่องจากดัชนีปรับตัวทำจุดสูงสุด หากดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงจะกระทบตลาดหุ้นไทยอีกเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามที่ระดับ 1,200 จุด เป็นโอกาสที่สามารถทยอยสะสมหุ้นไทยได้ โดยแนะนำเลือกหุ้นที่อยู่ในกระแส เป็นเทรนด์ของอุตสาหกรรมที่สามารถเติบโตได้ในอนาคต กลุ่ม Healthcare ท่องเที่ยว โลจิสติกส์ อสังหาริมทรัพย์โดยเลือกบริษัทขนาดใหญ่ ไม่มีหนี้ มีการเติบโต และกลุ่มธนาคาร โดยเลือกลงทุนหุ้นที่ Undervalue อาทิ AOT CPN WHA AP TU CPALL

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles