เกียวโด นิวส์ (Kyodo) ซึ่งเป็นสำนักข่าวชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยผลสำรวจประชาชนชาวญี่ปุ่นเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการทูตระหว่างญี่ปุ่นและจีนหลังจากนายกรัฐมนตรีหญิงญี่ปุ่น นางซานาเอะ ทาคาอิจิ ได้ตอบคำถามในการประชุมรัฐสภาของญี่ปุ่นเกี่ยวกับการใช้กองกำลังปกป้องตนเองร่วม หรือ (collective self-defence) พบว่า 48.8% ตอบเห็นด้วย ในขณะที่มี 44.2% ไม่เห็นด้วย
ที่น่าสนใจ คือ 60.4% สนับสนุนแผนงานของนายกรัฐมนตรีหญิง ซานาเอะ ทาคาอิจิ ในการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมเพื่อการป้องกันประเทศญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีหญิงญี่ปุ่น นางซานาเอะ ทาคาอิจิ ยังให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้การใช้จ่ายด้านกลาโหมเพิ่มขึ้นแตะ 2% ของจีดีพีประเทศญี่ปุ่นภายในปีงบประมาณปัจจุบัน ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 เดือนมีนาคม 2026 ซึ่งถือว่าเร็วกว่ากำหนดเดิมในปีงบประมาณ 2027
ที่สำคัญผลสำรวจดังกล่าวยังพบว่าการสนับสนุนคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีหญิงญี่ปุ่น นางทาคาอิจิ ทาคาอิจิ อยู่ที่ 69.9% กลับเพิ่มขึ้น 5.5% จากเดือนก่อนนี้
ผลสำรวจความคิดเห็นนี้ ดำเนินการสำรวจในไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งเกิดความตึงเครียดทางการทูตระหว่างประเทศของจีน ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจอันดับ 1 ในเอเชีย และญี่ปุ่น ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ในเอเชีย หลังจากในที่ประชุมรัฐสภาญี่ปุ่นเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2025 นายกรัฐมนตรีหญิง นางซานาเอะ ทาคาอิจิ ได้ตอบคำถามในรัฐสภาเกี่ยวกับสถานการณ์ไต้หวัน ว่าการโจมตีไต้หวันโดยจีนอาจถือเป็นสถานการณ์คุกคามต่อการอยู่รอดของประเทศญี่ปุ่น และอาจนำไปสู่การตอบโต้ทางทหารของญี่ปุ่นได้
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลจีนได้มีขึ้นอย่างต่อเนื่องในปฏิกิริยารุนแรงจากทางการจีน เริ่มจาก รองรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ซุน เว่ยตง ได้เรียกเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำปักกิ่งเข้าพบเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พร้อมเตือนว่า นางซานาเอะ ทาคาอิจิควรถอนคำพูด ไม่เช่นนั้นญี่ปุ่นต้องรับผลที่ตามมาทั้งหมดเอง
ตามด้วยกระทรวงการต่างประเทศของจีน ประกาศเตือนพลเมืองชาวจีนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปญี่ปุ่น รวมถึง 3 สายการบินสัญชาติจีนประกาศคืนเงินตั๋วโดยสารให้กับผู้โดยสารชาวจีนที่ต้องการเดินทางไปญี่ปุ่น ข้อมูลจากองค์การท่องเที่ยวญี่ปุ่นระบุว่า ช่วง 9 เดือนแรกของปี มีนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่กว่า 7.5 ล้านคน เดินทางไปญี่ปุ่น คิดเป็นเกือบหนึ่งในสี่ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด และแนะนำให้นักเรียน หรือนักศึกษาชาวจีนที่ศึกษาในญี่ปุ่นให้ทบทวน เนื่องจากอ้างเหตุผลว่าประเทศญี่ปุ่นมีความไม่แน่นอนด้านความปลอดภัย