สำนักงานสถิติแห่งชาติประเทศเวียดนามเปิดเผยว่าอัตราการขยายตัวทางสถิติหรือจีดีพีไตรมาสที่สามขยายตัวสูงถึง 7.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาส่งผลทำสถิติเศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 2 ปีหรือนับตั้งแต่ต้นปีปี 2022 เป็นต้นมา ซึ่งเคยขยายตัวสูงถึง 7.99% และยังเป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2 ที่มีจีดีพีขยายตัวสูงถึง 6.93% นอกจากนี้ อัตราการขยายตัวดังกล่าวยังสูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ทุกสถาบัน ที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 6.1% ที่น่าสนใจคือ การขยายตัวเศรษฐกิจไตรมาสที่ 3 ของเวียดนามไม่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงตามที่คาดการณ์ไว้จากพายุไต้ฝุ่นยางิที่รุนแรงที่สุดในรอบ 70 ปีของเวียดนาม และเป็นพายุไต้ฝุ่นที่มีขนาดรุนแรงที่สุดในประเทศเอเชียในปีนี้ ซึ่งเข้าถล่มเมื่อช่วงเดือนสุดท้ายของไตรมาสที่ 3 ส่งผลให้เกิดมีการสูญเสียชีวิตและความเสียหายทางเศรษฐกิจจำนวนไม่น้อย
สาเหตุที่ภาวะเศรษฐกิจเวียดนามยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางมหันตภัยทางธรรมชาติไต้ฝุ่นยางิที่พัดถล่มเวียดนามเมื่อวันที่ 7 กันยายนเป็นวันแรก ซึ่งอยู่ในเดือนสุดท้ายของไตรมาสที่ 3 ด้วยนั้น เป็นผลมาจากตัวเลขภาคือ การส่งออกไตรมาสที่สามที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งมากถึง 15.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 ผ่านมา ถึงแม้ว่าภาพโรงงานอุตสาหกรรมและการส่งออกจะได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นอย่างงี้จนส่งผลให้ ตัวเลขภาคการผลิตอุตสาหกรรมต้องหดตัวเป็นครั้งแรก ในรอบ 6 เดือน หรือนับตั้งแต่มีนาคมปีนี้
การส่งออกทั้งผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากเวียดนามในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 20.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา สอดรับกับตัวเลขภาคการผลิตอุตสาหกรรมในไตรมาสที่สามที่เติบโตมากถึง 10.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามในปี 2023 ดังนั้นเศรษฐกิจเวียดนามในภาพรวมนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 หรือ 9 เดือนแรกของปีนี้สามารถขยายตัวได้ถึง 6.82% ซึ่งเป็นตัวเลขจีดีพีที่เติบโตเข้าใกล้เหมือนอย่างช่วงก่อนเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาด โควิด-19 ที่เวียดนามเกิดขยายตัวได้สูงถึง 7.3%
รัฐบาลประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2024 เป็นวันแรกที่พายุโซนร้อนยางิ ซึ่งเป็นพายุที่มีขนาดความรุนแรงมากที่สุดในปีนี้ของทวีปเอเชีย และรุนแรงมากที่สุดในรอบ 70 ปีของเวียดนามได้พัดขึ้นฝั่งประเทศเวียดนาม ส่งผลให้ประชาชนชาวเวียดนามเสียชีวิตมากกว่า 292 ราย และสูญหายมากกว่า 38 ราย ในแง่มูลค่าความเสียหายทั้งหมดในภาพรวมนั้นคาดการณ์ว่าจะมีสูงถึงกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 102,000 ล้านบาท ซึ่งมีผลกระทบทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามลดลงราว 0.15%
ทั้งนี้ เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวในไตรมาสที่ 1 ที่ 5.60% และในไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 6.93% ขณะที่ไตรมาสที่ 3 ซึ่งประกาศในวันนี้ได้ขยายตัวได้สูงถึง 7.4% นั่นมีความเป็นไปได้สูงว่าเศรษฐกิจประเทศเวียดนามที่ขยายตัวในไตรมาสที่ 3 จะเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในไตรมาสที่ 3 ภูมิภาคอาเซียนด้วย