ไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจเทคโนโลยี บริการโซลูชั่นด้านไอทีซอฟท์แวร์ และการบริการบริหารจัดการข้อมูลในระบบคลาวด์ (Cloud) ชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ได้กำหนดแผนการลงทุนมูลค่าสูงกว่า 17,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 560,000 ล้านบาทภายในปี 2030 ในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ในเอเชีย ส่งผลให้การลงทุนในครั้งนี้เป็นการลงทุนของไมโครซอฟท์ที่มีขนาดมากที่สุดในทวีปเอเชีย ที่สำคัญการลงทุนในอินเดียที่ได้ประกาศในครั้งนี้ จะส่งผลให้ไมโครซอฟท์มีธุรกิจบริการข้อมูลในระบบคลาวด์(Cloud)มีขนาดใหญ่ที่สุดในอินเดีย
นายสัตตยา นาเดลลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมกราคม 2025 ที่ผ่านมาได้ประกาศเงินลงทุน 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 96,000 ล้านบาทในประเทศอินเดีย สำหรับแผนการลงทุน 17,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 560,000 ล้านบาทในช่วง 4 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 2026 จนถึง 2030 ด้วยเงินลงทุน ดังกล่าวนั้น เพื่อเป้าหมายในการขยายธุรกิจเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ และโครงสร้างพื้นฐานด้านบริการจัดการข้อมูลระบบคลาวด์ (Cloud)
นอกจากนี้ ยังเตรียมที่จะขยายธุรกิจศูนย์ข้อมูล หรือดาต้าเซ็นเตอร์อีกด้วย พร้อมทั้งฝึกอบรมเครือข่ายของพนักงานในวงการเทคโนโลยี และร่วมมือกับรัฐบาลอินเดียในการสร้าง ขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีของประเทศอินเดีย สำหรับแผนการลงทุนของไมโครซอฟท์ในอินเดียจะอยู่ที่ไฮเดอราบัด เชนไน และปูเน่ ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์มีพนักงาน 22,000 คนในอินเดีย
นอกเหนือจากการประกาศแผนและเงินลงทุนในประเทศอินเดียในครั้งนี้ ไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น ยังได้ประกาศแผนและเงินลงทุนในประเทศแคนาดามูลค่า 7,500 ล้านดอลลาร์แคนาดาหรือ 5,420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 173,440 ล้านบาทภายใน 2 ปี โดยมีเป้าหมายในการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ และบริการข้อมูลระบบคลาวด์ในแคนาดา สำหรับเงินลงทุนในประเทศแคนาดาในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนในระยะยาวระหว่างปี 2023-2027 ในประเทศแคนาดาที่มีมูลค่า 19,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือกว่า 437,000 ล้านบาท ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์มีพนักงาน 5,300 คนในแคนาดา
ทั้งนี้ ในเดือนพฤศจิกายนผ่านไป ไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น ได้ประกาศแผนและเงินลงทุน โครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ในประเทศโปรตุเกสมีมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 320,000 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับในประเทศยูเออีที่ได้ประกาศเงินลงทุนมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 480,000 ล้านบาท