เจ้าหน้าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund) หรือไอเอ็มเอฟ เปิดเผยหลังเดินทางมายังประเทศไทยในช่วง 30 ตุลาคมถึง 13 พฤศจิกายน 2025 เพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจ ประจำปี 2568 โดยนายปีเตอร์ บริวเออร์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟ เปิดเผยว่า ในครึ่งแรกของปี 2568 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 3 ซึ่งดีกว่าที่ประเมินไว้ อย่างไรก็ดี คาดว่าในภาพรวมทั้งปี เศรษฐกิจจะขยายตัวชะลอลงเหลือ 2.1% ในปี 2568 และ 1.6% ในปี 2569 ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น
สำหรับอัตราเงินเฟ้อนั้น คาดว่าจะทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่อง และทยอยปรับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3% ได้ภายในปี 2570 ในระยะข้างหน้า เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญความไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงด้านลบอยู่
ไอเอ็มเอฟ เปิดเผยต่อไปว่า ภายใต้ความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นและขีดความสามารถของนโยบายที่จำกัด แนะนำให้ทางการไทย ดำเนินนโยบายแบบผสมผสานอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ซึ่งในช่วงที่หนี้สาธารณะยังอยู่ในระดับสูง ทางการไทยควรใช้นโยบายการคลังแบบเฉพาะจุดและระมัดระวัง พร้อมกับมีแผนการเข้าสู่สมดุลการคลังระยะปานกลางที่น่าเชื่อถือ
ส่วนนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในปัจจุบันยังเหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ และอาจผ่อนคลายได้เพิ่มเติมเพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านอุปสงค์และเงินเฟ้อ ขณะเดียวกัน ด้วยหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ทางการไทยควรเร่งฟื้นฟูช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อ ผ่านมาตรการทางการเงินที่ช่วยลดภาระหนี้ให้ลูกหนี้ เช่น มาตรการเฉพาะกิจล่าสุดในการช่วยเหลือลูกหนี้ เพื่อให้การส่งผ่านนโยบายการเงินมีประสิทธิผลต่อเนื่อง ในการนี้ ทางการไทยชี้แจงว่าได้มีการดำเนินมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างมาอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงวินัยทางการคลังและความยั่งยืนของการดำเนินนโยบาย
ที่ผ่านมาทางการไทยได้ออกมาตรการและมีโครงการใหม่ ๆ เพื่อช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจในหลายมิติ ไอเอ็มเอฟมองว่าควรต้องเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่ไทยจะเติบโตในอัตราที่ต่ำลง และต้องทำควบคู่ไปกับการปฏิรูปเชิงโครงสร้างเพื่อเพิ่มผลิตภาพและยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้วย