สหภาพยุโรปส่งสัญญาณอาจทบทวนนโยบายเลิกขายรถยนต์เครื่องสันดาปภายในปี 2035

สหภาพยุโรป ส่งสัญญาณอาจทบทวนนโยบายเลิกขาย รถยนต์ เครื่องสันดาปภายในปี 2035อ

ยูโรเปียน คอร์ท ออฟออดิทเตอร์ หรือ European Court of Auditors (ECA) ซึ่งเป็นฝ่ายตรวจสอบภายในนโยบายและกิจการของกลุ่มสหภาพยุโรปหรืออียู โดยนางแอนนีมี เทอร์เทลบูม หนึ่งในสมาชิกอีซีเอ กล่าวว่า ในปี 2026 จะเป็นปีที่สำคัญอย่างมากที่กลุ่มอียูอาจต้องทบทวนนโยบายที่ประกาศให้ภายในปี 2035 ห้ามมีการขายรถยนต์เครื่องสันดาป หรือรถน้ำมันเด็ดขาด หลังจากพบว่าทางเลือกของยานยนต์ที่จะลดการปล่อยก๊าซมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมกลับไม่สามารถเข้าถีงประชาชนส่วนใหญ่ได้ และไม่มีความน่าเชื่อถือเกิดขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงนโยบายระยะยาวเกี่ยวกับเป้าหมายในการลดภาวะโลกร้อนของทั้ง 27 ประเทศสมาชิกในกลุ่มอียูภายในปี 2050 ตามที่ได้ประกาศไปในช่วงหลายปีผ่านมา

กลุ่มประเทศสมาชิกทั้ง 27 ชาติในอียูต้องการบรรลุเป้าหมายยกเลิกการขายรถยนต์เครื่องสันดาปภายในปี 2035 ด้วยการเปลี่ยนผ่านไปใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี เนื่องจากการขนส่งทางถนนในยุโรปคิดเป็นเกือบ 25% ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่อากาศ ดังนั้นจึงมีการ กำหนดเป้าหมายให้มีการใช้รถยนต์ที่หยุดการปล่อยก๊าซมลพิษให้เป็นศูนย์ เป็นจำนวนอย่างน้อย 30 ล้านคัน ภายในปี 2030 หรืออีก 6 ปีข้างหน้าจากนี้ไป หรือคิดเป็นสัดส่วนที่ 12% ของจำนวนรถยนต์บนท้องถนนในปัจจุบันของกลุ่มสหภาพยุโรป

อย่างไรก็ตาม อีซีเอ ฝ่ายตรวจสอบภายในนโยบายและกิจการของกลุ่มสหภาพยุโรปหรืออียู ได้เตือนว่า กลุ่มอียูอาจกลับกลายเป็นการสร้างการพึ่งพาทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศมากขึ้น และในเวลาเดียวกัน สร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมของอียูเองในที่สุด

ในปัจจุบันจะพบว่า ต้นทุนการผลิตรถอีวีสูงมากในยุโรป ถ้าหากกลุ่มอียูยังคงยึดติดกับนโยบาย จะต้องยกเลิกการขายรถยนต์เครื่องสันดาปภายในปี 2035 ต่อไป จะส่งผลให้ยุโรปจะต้องพึ่งพาการนำเข้ารถอีวีที่มีราคาถูก ซึ่งโดยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศจีน จะเห็นได้ชัดว่า 76% ของการผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าที่ใช้ในรถอีวีมาจากประเทศจีน ในขณะที่กลุ่มอียูสามารถผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าที่ใช้ในรถอีวีในสัดส่วนน้อยกว่า 10% ของการผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าทั่วโลก ยิ่งไปกว่านั้นการผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าใช้กับรถอีวีของกลุ่มอีอยู่มีต้นทุนสูงถึง 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 592,500 บาท

นางแอนนีมี เทอร์เทลบูม หนึ่งในสมาชิกอีซีเอ กล่าวว่า กลุ่มสหภาพยุโรปกำลังเผชิญกับปริศนา หรือ หรือปัญหาที่ยากจะหาทางออก ว่าทำอย่างไรจะบรรลุเป้าหมายยกเลิกการขายเครื่องยนต์สันดาปภายในปี 2035 ในขณะเดียวกัน ไม่สร้างผลกระทบหรือความเสียหายให้กับนโยบายอุตสาหกรรมสำคัญ และผู้บริโภคชาวยุโรป

ในขณะที่ยอดขายรถอีวีในยุโรปเพิ่มขึ้นแต่นั่นก็เป็นเพราะว่าราคาขายของรถอีวีได้รับการสนับสนุนจากมาตรการอุดหนุนของรัฐบาลเป็นหลัก ลักษณะนี้ในปัจจุบันปัจจุบันมีสัญญาณของการชะลอตัวตลาดรถยนต์อีบีในยุโรปหลังจากรัฐบาลในประเทศขนาดใหญ่ประกาศยกเลิกมาตรการอุดหนุนราคารถอีวีเช่นเยอรมนี นอกจากนี้สถานีหรือจุดชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถอีวีซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการให้บริการผู้ใช้รถอีวียังต้องเผชิญกับการขยายตัวสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้าอย่างล่าช้ากว่าเป้าหมายมาก นอกจากนี้ยังพบว่ามีการสร้างสถานีหรือจุดชาร์จไฟฟ้ารถอีวีกระจุกตัวอยู่ในเพียงบางประเทศเท่านั้นเช่น 70% ของสถานีชาร์จรถไฟรถไฟฟ้าอยู่ใน 3 ประเทศชั้นนำเท่านั้น ได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ ภาวะดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงกลุ่มอียูยังอยู่ห่างจากเป้าหมายอย่างมากในการสร้างสถานีหรือจุดชาร์จรถไฟฟ้าให้มีจำนวนครบ 1 ล้านจุด ทั่วทั้ง 27 ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles