May 26, 2024
‘Flo Wolffia’ หยิบพลังผำ ซูเปอร์ฟู้ดจิ๋วแต่แจ๋วมาแปลงร่างเป็นโปรตีนทดแทน สู่ผลิตภัณฑ์พร้อมทานที่ได้รับความนิยม จนขึ้นแท่นผู้ผลิตเบอร์ 2 ของโลก
ก่อนจะไปเจอกับ ‘Flo Wolffia’ มีใครรู้จัก ‘ผำ’ บ้าง? อธิบายพอสังเขปกันสักนิด ถ้าจะให้ดูอินเตอร์ สิ่งนี้จะถูกเรียกว่า ‘วูฟเฟีย’ แต่ท้องถิ่นบ้านเรามักรู้จักเขาในนาม ‘ผำ’ หรือ ‘ไข่ผำ’ พรรณไม้น้ำประเภทลอยน้ำขนาดเล็กในวงศ์ Lemnaceae ที่ถูกชูให้เป็นซูเปอร์ฟู้ดขนาดจิ๋ว ที่โภชนาการด้านโปรตีนแน่นมาก และวันนี้ BTimes ก็ได้ไปเจอกับผู้ประกอบการคนไทยที่ผนวกนวัตกรรมสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ ดันให้ผำของไทยกลายเป็นสินค้าขึ้นชื่อ จนขึ้นแท่นผู้ผลิตเบอร์ต้นๆ ของโลก
ย้อนที่มาก่อนจะเกิดเป็นแบรนด์ ‘Flo Wolffia’ มาจากวันหนึ่งขณะที่อาจารย์ตั้ม ผศ.ดร. เมธา มีแต้ม กำลังทำวิจัยเกี่ยวกับสาหร่าย ก็มีชาวเยอรมันที่รู้จักกันบอกว่าตอนนี้ต่างชาติให้ความสนใจแหนเป็นอย่างมาก และกำลังจะเป็นแหล่งโปรตีนใหม่ของโลก ที่ให้โปรตีนมากกว่าถั่วเหลืองถึง 10 เท่า อีกทั้งยังอ่านเจอว่าคนไทยทานผำมานานแล้ว จนอยากไปเห็นกับตาเพื่อพิสูจน์ว่าทั้งหมดที่ทราบมาเป็นเรื่องจริงไหม จนไปพบกับข้อเท็จจริงว่าแหน ไม่สามารถทานสดได้ ตรงข้ามกับผำที่ทานสดได้เพราะไม่มีสาร Oxalate หรือสารมีฤทธิ์ในการยับยั้งการดูดซึมของแคลเซียมและแร่ธาตุสำคัญหลายชนิดในกระแสเลือด หากทานมากจะส่งผลเสียต่อร่างกาย ทั้งยังมีรสชาติที่อร่อยกว่าแหน ส่งผลให้ได้รับความนิยมและสร้างมูลค่าในท้องตลาดได้มากกว่า จุดนี้เปรียบเสมือนตัวเปิดสวิชต์ไอเดียให้อาจารย์ตัดสินใจวิจัยอย่างเข้มข้นจนสร้างเป็นผลิตภัณฑ์จำหน่ายภายใต้แบรนด์ ‘Flo Wolffia’
นอกจากนี้อาจารย์ตั้มเล่าเพิ่มเติมอีกว่าโอกาสยังมีอีกมาก เช่น ณ ขณะนี้บริษัทหนึ่งในประเทศอิสราเอล ได้เริ่มวิจัยนำผำไปปลูกที่สถานีอวกาศ เพื่อเป็นอาหารให้นักบิน ซึ่งในปัจจุบันมีบริษัทต่างชาติ 5 บริษัทใหญ่ได้รับทุนสนับสนุนระดับ 20 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำมาสร้างเป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงและสกัดโปรตีน รวมถึงได้มีการคาดการณ์มูลค่าตลาดว่าจะโตได้เกือบ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐในอีกประมาณ 10 ปี
ปัจจุบัน ‘Flo Wolffia’ ได้รังสรรค์ผำออกจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศผ่านรูปแบบสด แช่แข็ง และแห้ง รวมถึงนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมทานอย่างโปรตีนเชคและขนมอบกรอบ เรียกได้ว่าเอาใจทั้งลูกค้าสายสุขภาพครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งราคาก็เรียกว่าจับต้องได้สุดๆ เพราะมีตั้งแต่ 49 ไปจนถึง 1,350 บาท
ในอนาคตอาจารย์ตั้มตั้งเป้าขยายการลงทุน เพื่อพา ‘Flo Wolffia’ เติบโตและทำให้ผำกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น คู่ไปกับการผลักดันให้เกิดการใช้ทดแทนถั่วเหลือง ไปจนถึงลดการนำเข้าถั่วเหลืองจากต่างประเทศ
