ขุนคลังแคนาดาประกาศเก็บภาษี 25% กับ 5 สินค้าจากสหรัฐ มีผล 14 มีนาคมนี้ ชี้ขึ้นรอบนี้ไปรวมเพิ่มจาก 25% ที่ตอบโต้สหรัฐในรอบแรก รวมเก็บขึ้น 50% มูลค่ากว่า 1.7 ล้านล้านบาท

ขุนคลัง แคนาดา ประกาศเก็บภาษี 25% กับ 5 สินค้าจาก สหรัฐ มีผล 14 มีนาคมนี้ ชี้ขึ้นรอบนี้ไปรวมเพิ่มจาก 25% ที่ตอบโต้สหรัฐในรอบแรก รวมเก็บขึ้น 50% มูลค่ากว่า 1.7 ล้านล้านบาท

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประเทศแคนาดา นายโดมินิค เลอบลัง แถลงว่าอนุมัติให้เก็บภาษีเพิ่มขึ้น 25% กับสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกามีทั้งหมด 5 กลุ่มสินค้า ได้แก่ เหล็ก อะลูมิเนียม เหล็กหล่อ เครื่องคอมพิวเตอร์ และชิ้นส่วนอุปกรณ์กีฬา โดยให้มีผลในวันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม 2025 เป็นต้นไป ส่งผลให้มูลค่าสินค้านำเข้าที่ถูกเก็บภาษีเพิ่ม 25% จากสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ มีจำนวนกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 680,000 ล้านบาท

การประกาศเก็บขึ้นภาษีอีก 25% ของกระทรวงการคลัง แคนาดา ซึ่งเป็นรอบที่ 2 ในครั้งนี้ ทำให้เป็นอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการตอบโต้เก็บภาษี 25% ในรอบแรกกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.02 ล้านล้านบาท ที่ประกาศเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2025 ดังนั้น อัตราภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐอเมริกาทั้งหมดจึงรวมเป็น 50% มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.7 ล้านล้านบาท

การใช้มาตรการเก็บภาษีขึ้นอีก 25% ในรอบที่สองในครั้งนี้ ถือเป็นการตอบโต้กับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งประกาศใช้มาตรการเก็บขึ้นภาษี 25% กับสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมกับทุกประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศแคนาดา โดยมีผลในวันนี้ 12 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 11.00 น. ตามเวลาประเทศไทยเป็นต้นมา

สำหรับสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่ได้รับการเก็บขึ้นอัตราภาษี 25% ใหม่ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วนั้นจะครอบคลุมถึงจำนวนทั้งหมด 289 รายการสินค้า ในขณะที่มูลค่าของสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมนับตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ที่จะได้รับผลกระทบมีมูลค่าสูงถึง 147,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 5 ล้านล้านบาท

สำหรับมูลค่าการนำเข้าสินค้ามายังประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 2024 พบว่าอยู่ที่ 147,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 5 ล้านล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวนั้น เกือบ 2.ใน 3 หรือกว่า 66% เป็นอลูมิเนียม และอีก 1 ใน 3 เป็นเหล็ก

อัตราภาษีใหม่ที่เพิ่มขึ้นอีก 25% ในขณะนี้ จะส่งผลกระทบต่อการนำเข้าชิ้นส่วนที่ทำจากอลูมิเนียมรวมเป็นมูลค่าสูงถึง 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 850,000 ล้านบาทกับสินค้า ได้แก่ ชิ้นส่วนรถยนต์ ชิ้นส่วนรถบรรทุก ชิ้นส่วนรถแทรกเตอร์แลเครื่องจักรกล และชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตรถยนต์พิเศษเฉพาะทาง ในขณะเดียวกัน จะส่งผลกระทบต่อการนำเข้าชิ้นส่วนที่ทำจากเหล็กรวมเป็นมูลค่าสูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 510,000 ล้านบาทกับสินค้า ได้แก่ สินค้าเฟอร์นิเจอร์ สินค้าชิ้นส่วนและอะไหล่

สำหรับ 10 ประเทศที่สหรัฐอเมริกานำเข้าสินค้าเหล็กมากที่สุด เรียงตามลำดับ ได้แก่ แคนาดา บราซิล เม็กซิโก เกาหลีใต้ เวียดนาม ญี่ปุ่น เยอรมนี ไต้หวัน เนเธอร์แลนด์ และจีน โดยประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่สหรัฐอเมริกามีการสั่งนำเข้าเหล็กพุ่งสูงในสัดส่วนที่มากที่สุดและเป็นประเทศเดียวในอาเซียนส่งออกเหล็กเป็นจำนวนมากมากที่สุดเข้าไปในสหรัฐอเมริกา

สำหรับ 9 ประเทศที่สหรัฐอเมริกานำเข้าสินค้าอลูมิเนียมมากที่สุด เรียงตามลำดับ ได้แก่ แคนาดา จีน เม็กซิโก เกาหลีใต้ อินเดีย บาห์เรน โคลอมเบีย เยอรมนี และอาเจนติน่า โดยประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่สหรัฐอเมริกามีการสั่งนำเข้าเหล็กพุ่งสูงในสัดส่วนที่มากที่สุดและเป็นประเทศเดียวในอาเซียนส่งออกเหล็กเป็นจำนวนมากมากที่สุดเข้าไปในสหรัฐอเมริกา

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles