แน่นอนว่าทุกคนรู้กันดีว่า ‘ญี่ปุ่น’ เป็นประเทศแห่งความสะอาด แต่กว่าจะมาได้ขนาดนี้เชื่อไหมว่าญี่ปุ่นก็เคยเละเทะมาก่อน กระทั่งวันหนึ่งในปี 1964 ญี่ปุ่นถูกเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิก รัฐบาลอาศัยโอกาสนี้รีแบรนด์ประเทศ ปรับภาพลักษณ์จากผู้แพ้สงครามสู่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจของเอเชีย ไล่มาตั้งแต่การปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐาน โครงสร้างทางสังคมและเศรษฐกิจ ส่งเสริมระบบสุขอนามัย ไปจนถึงจิตสำนึกให้กับประชาชน ซึ่งในที่นี้ BTimes จะพูดถึงระบบสุขอนามัย ที่เรียกได้ว่ารัฐบาลยอมควักกระเป๋าทำคู่มือแจกจ่ายประชาชนเกี่ยวกับการมีระเบียบวินัย การให้ความสำคัญกับสุขภาพความสะอาด ซึ่งการลงทุนครั้งนี้เกิดผลสำเร็จจนกลายเป็นรากฐานทางวัฒนธรรม ตลอดจนเกิดเป็นธุรกิจ พลิกโฉมประเทศญี่ปุ่นในเชิงบวกไปตลอดกาล
เหตุผลที่ BTimes หยิบยกมาเล่าในวันนี้ ก็เพราะขณะที่คุณบัญชา (บอสของเรา) ได้ไปพักร้อนในประเทศญี่ปุ่นเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แล้วพบว่าผนังห้องน้ำในร้านราเม็งข้อสอบแบรนด์หนึ่ง มีราวแขวนกระดาษชำระเรียงราย นับคร่าวๆ ได้ 12 อัน ก็เกิดอาการเอ๊ะในใจ จึงกลับมาเล่าสู่กันฟัง แล้วก็เอ๊ะอีกอย่างว่าญี่ปุ่นนี่หละที่เป็นเจ้าแรกของโลกในการคิดค้นฝารองนั่งอัตโนมัติ หรือหลายคนอาจเรียกสิ่งนี้ว่า ชักโครกไฟฟ้า โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ เป็นต้น ซึ่งเจ้าของไอเดียนี้ก็คือ ‘TOTO’ แบรนด์สุขภัณฑ์สัญชาติญี่ปุ่นอายุเก่าแก่กว่าร้อยปี โดยช่วงแรกที่ TOTO ปล่อยผลิตภัณฑ์นี้ออกสู่ตลาด เชื่อว่าหลายคนที่เคยสัมผัสอาจจะใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานกว่าปกติหน่อย เพราะงงว่าจะต้องกดปุ่มไหน ทำอย่างไร (แอดมินก็ด้วย) แต่พอผ่านระยะเวลาไปสักพัก ทั่วโลกเริ่มปรับตัวได้และนำเจ้าผลิตภัณฑ์นี้มาใช้ในประเทศของตัวเองมากขึ้น โดย TOTO เองก็พัฒนาฟังก์ชันการทำงานมาเรื่อยๆ จนทุบสถิติยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ในช่วงโควิด–19 ยอดขายเพิ่มขึ้น 2 เท่าในไตรมาส 1 ปี 2020 และยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 2% ในไตรมาสที่ 1 ปี 2022
ทั้งหมดนี้ถือเป็นวัฒนธรรมไวรัลที่พลิกโฉมประเทศญี่ปุ่นไปในทิศทางที่ดี ส่งผลให้ ณ ปัจจุบัน ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศจุดหมายปลายทางยอดฮิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จนวิ่งแซงหน้าประเทศไทยกวาดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศในปีที่ผ่านมาได้มากถึง 36.8 ล้านคน และแว่วๆ ว่าตอนนี้ก็ได้กลายเป็นหมุดหมายใหม่ที่ดึงใจคนจีนให้เปลี่ยนเป้าเที่ยวจากไทยไปแล้วอีกด้วย
