โรห์ โมชั่น (Rho Motion) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยการตลาดชื่อดัง เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือรถอีวีในเดือนกรกฎาคมทั่วโลกมีทั้งสิ้น 1.6 ล้านคัน ขยายตัว 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 อย่างไรก็ตามตัวเลขการขยายตัวดังกล่าวกลับกลายเป็นตัวเลขที่เติบโตขึ้นน้อยที่สุดใน 6 เดือนที่ผ่านมา หรือนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 ที่สำคัญยังเป็นตัวเลขที่ลดต่ำลงต่อเนื่องจากเดือนมิถุนายนที่มีการขยายตัวที่ 25%
ชาร์ล เลสเตอร์ ผู้จัดการฝ่ายข้อมูล โรห์ โมชั่น (Rho Motion) เปิดเผยว่า สาเหตุจากยอดขายรถอีวี และรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริดในตลาดรถยนต์จีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกชะลอตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากยอดขายรถอีวีในจีนเติบโตเฉลี่ยใน 6 เดือนแรกของปีนี้ จะอยู่ที่เดือนละ 36% แต่เมื่อถึงเดือนกรกฎาคมกลับพบว่ายอดขายเฉลี่ยดังกล่าวมีเพียงแค่ 12% หรือหดตัวลงมาถึง 3 เท่า เป็นผลมาจากรัฐบาลจีนยุตินโยบายโครงการสนับสนุนซื้อรถอีวีของประชาชนจีน
การลดลงของยอดขายรถอีวีทั่วโลกสะท้อนให้เห็นถึงตลาดรถยนต์ในประเทศจีน ไม่เพียงเป็นตลาดรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่จีนคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 50% ของยอดขายรถอีวีทั่วโลก ที่สำคัญบีวายดีซึ่งเป็นผู้ผลิตรถอีวีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และ ใหญ่ที่สุดในโลกต้องเผชิญกับยอดจดทะเบียนรถที่ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
ยอดจากรถยนต์เดือนกรกฎาคมในประเทศจีนพบว่ามียอดจำหน่ายทั้งหมด 1.86 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 6.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 แต่ที่สำคัญ สมาคมรถยนต์ส่วนบุคคลแห่งชาติ จีน หรือ CPCA เปิดเผยว่ายอดขายรถยนต์ในเดือนกรกฎาคมของจีนดังกล่าวเพิ่มขึ้นก็จริงแต่เป็นไปในลักษณะลดต่ำลงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายในเดือนมิถุนายนที่เติบโตถึง 18.6% สาเหตุจากยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ซึ่งได้แก่รถอีวีและรถเครื่องยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริดในเดือนกรกฎาคมของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 12% ซึ่งลดต่ำลงอย่างมากเมื่อเทียบกับยอดขายในเดือนมิถุนายนที่เติบโตถึง 29.7%
ทั้งนี้ ยอดจากรถอีวีทั่วโลกในเดือนกรกฎาคม 2025 ในจีนมียอดขายถึง 1,000,000 คัน ตามด้วยยอดขายรถอีวีในยุโรปทำได้ 390,000 คันหรือเติบโตขึ้น 48% ในอเมริกาเหนือมียอดขายรถอีวีเติบโต 10% หรือมีจำนวนมากกว่า 170,000 คัน นอกจากนั้นเป็นยอดขายรถอีวีที่เหลือในทั่วโลกขยายตัวเพิ่มขึ้น 55% หรือมีจำนวนกว่า 140,000 คัน
