ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2025 เวลา 19.40 น. (ตามเวลาในสหรัฐ) หรือตรงกับเวลา 6.40 น. ของเช้าวันนี้ 13 ตุลาคม 2025 ตามเวลาในไทย ปรากฏว่า ดัชนีหุ้นล่วงหน้า หรือ Future ของทั้ง 3 ดัชนีสำคัญพุ่งสูงขึ้นทั้งหมด ดัชนีหุ้นล่วงหน้าดาวโจนส์ที่ระดับ 46,069 จุด +363 จุด หรือ +0.79% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ที่ระดับ 6,667 จุด +72 จุด หรือ +1.06% และดัชนีหุ้นนาสแดค ที่ 22,750 จุด +353 จุด หรือ +1.45%
สาเหตุจาก ในคืนผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐโพสต์ข้อความว่า เรื่องราวทุกอย่างระหว่างสหรัฐฯกับจีนจะเรียบร้อย ไม่ต้องเป็นห่วง ทั้งจีนและสหรัฐอเมริกาไม่ต้องการเห็นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรงหรือ Depression การโพสต์ข้อความดังกล่าวนับเป็นท่าทีล่าสุดของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่เปลี่ยนไปและแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับการโพสต์ข้อความในวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา
ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 45,479 จุด -879 จุด หรือ -1.90% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 6,552 จุด -182 จุด หรือ -2.70% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 22,204 จุด -820 จุด หรือ -3.56% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และนาสแดค ปิดหลุดระดับ 46,000 และ 23,000 จุด ตามลำดับ
นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และดัชนีหุ้นนาสแดค ดำดิ่งหนักใน 1 วันมากที่สุดในรอบ 6 เดือน หรือตั้งแต่เมษายนที่ผ่านมา สอดรับกับดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ดำดิ่งหนักใน 1 วันมากที่สุดในรอบ 5 เดือน หรือตั้งแต่พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่สำคัญ มูลค่าตลาดหุ้นนิวยอร์กสหรัฐในวันที่ 10 ตุลาคม 2025 เสียหายอย่างมากถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 65 ล้านล้านบาท
ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งลงอย่างหนัก -2.7%, -2.4% และ 2.5% ตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนีหุ้นดาวโจนส์ร่วงลงถึง 3 วันติดต่อกันรวมกว่า 1,100 จุด
สาเหตุจากนักลงทุนถล่มขายหุ้นทุกกลุ่มอย่างหนาตาและตลอดทั้งวัน หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐโพสต์ข้อความว่า ไม่มีเหตุผลที่จะต้องพบเจอกับประธานาธิบดีจีนได้สี่จิ้นผิงในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้าที่กรุงโซลประเทศเกาหลีใต้และยังครูที่จะปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าสูง 100% กับประเทศจีน การโพสต์ข้อความดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลจีนได้ประกาศมาตรการควบคุมหรือจำกัดการส่งออกแร่หายาก การประกาศปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการจอดเรือขนส่งสินค้าในจีน โดยเฉพาะเรือสัญชาติอเมริกัน และการสั่งตรวจสอบบริษัทควอลคอม ซึ่งเป็นบริษัทไมโครชิพสัญชาติอเมริกัน
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนได้รับการเตือนว่าภาวะการลงทุนหุ้นของบริษัทที่อยู่ในธุรกิจประเภทปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ กำลังสุ่มเสี่ยงเกิดภาวะฟองสบู่ ซึ่งอาจทำให้กลายเป็นวิกฤติคล้ายคลึงกันในยุคดอทคอมที่ล่มสลายในช่วงปลายปี 1990 ขณะที่ปัจจัยการเมืองในสหรัฐอเมริกาส่งผลให้ภาวะรัฐบาลชัตดาวน์มาถึงครบ 12 วัน และมีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 ต่อเนื่อง ซึ่งมีผลกระทบต่อการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ และธุรกิจของสหรัฐอเมริกาที่ใช้ในการประเมินทิศทางการลงทุนในตลาดทุนของสหรัฐอเมริกา