แบงก์ชาติชี้หนี้ครัวเรือนไตรมาส 3 เพิ่มเฉียด 17 ล้านล้านบาท ขึ้นเฉียด 91% ต่อจีดีพี

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2566 ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสถิติเงินสินเชื่อให้กู้ยืมกับภาคครัวเรือน หรือหนี้ครัวเรือน ประจำไตรมาส 3 ปีนี้ พบว่า มูลค่าหนี้ครัวเรือนเพิ่มเป็น 16,199,538 ล้านบาท หรือเป็น 90.9% ต่อจีดีพีประเทศไทย มูลค่าหนี้ดังกล่าวเพิ่มขึ้น 111,563 ล้านบาท หรือเพิ่ม 0.69% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งมีมูลค่าหนี้ครัวเรือนที่ 16,087,975 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90.8% ต่อจีดีพีประเทศไทย

ในเวลาเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบหนี้ครัวเรือนไตรมาส 3 ของปีผ่านมา ซึ่งมีหนี้ครัวเรือนมีอยู่ที่ 15,675,944 ล้านบาท หรือคิดเป็น 91.5% ต่อจีดีพีไทยนั้น พบว่าในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ เพิ่มขึ้น 523,594 ล้านบาท หรือเพิ่มสูงขึ้นถึง 3.34%

แหล่งของหนี้ครัวเรือนส่วนใหญ่ในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ที่หรือ 13.05 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย หนี้สินที่ครัวเรือนกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์จำนวน 6.36 ล้านล้านบาท สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่รับฝากเงินจำนวน 4.34 ล้านล้านบาท สหกรณ์ออมทรัพย์จำนวน 2.28 ล้านล้านบาท และสถาบันรับฝากเงินอื่นๆ จำนวน 58,400 ล้านบาท

ส่วนหนี้สินครัวเรือนที่กู้ยืมจากสถาบันการเงินอื่นมีจำนวน 2.45 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย บริษัทบัตรเครดิต ลิสซิ่ง และสินเชื่อส่วนบุคคล รวมจำนวน 1.92 ล้านบาท บริษัทประกันภัยและประกันชีวิตจำนวน 178,000 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ จำนวน 1.06 แสนล้านบาท ธุรกิจบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน จำนวน 96,700 ล้านบาท โรงรับจำนำ จำนวน 83,400 ล้านบาท และสถาบันการเงินอื่นๆ จำนวน 54,000 ล้านบาท

เมื่อพิจารณาจากด้านวัตถุประสงค์ พบว่าเงินกู้ยืมเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์มีจำนวน 5,474,059 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63,527 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.17% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีนี้ ในเวลาเดียวกันยังเพิ่มขึ้น 243,163 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีผ่านมา

เงินกู้ซื้อหรือเช่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์มีจำนวนรวมกัน 1,809,685 ล้านบาท ลดลง 18,195 ล้านบาท หรือลดลง 0.99% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม กลับพบว่าเพิ่มขึ้น 3,677 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนนี้

ทั้งนี้ เงินกู้ยืมเพื่ออุปโภคบริโภคส่วนบุคคลอื่น มีจำนวน 4,416,149 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58,376 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.34% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ผ่านมา และยังเพิ่มขึ้น 226,216 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2565 ขณะที่เงินกู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพ มีจำนวน 2,888,425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,335 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.25% เมื่อเทียบกับไตรมาสผ่านไป และยังเพิ่มขึ้น 6,115 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว