นายไมเคิล ฮาร์ทเน็ต นักกลยุทธ์การลงทุน ธนาคารแบงค์ ออฟ อเมริกา หรือ BofA ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ชื่อดังระดับโลกในประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ข้อมูลทางสถิติที่เก็บรวบรวมเกี่ยวกับราคาทองคำในตลาดโลกพบว่า ราคาเฉลี่ยทองคำโลก ที่พุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างมากมาย ในช่วงรอบภาวะกระทิงของตลาดทองจำนวน 4 รอบในอดีตที่ผ่านมา หรือระหว่างปี 1970-2025 นั้น จะมีมีราคาเฉลี่ยพุ่งทะยานถึง 300% ในตลอดระยะเวลา 43 เดือน หรือเกือบ 4 ปีผ่านมา นั่นหมายถึง หากสถิติดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำ นั่นหมายถึงราคาทองคำตลาดโลกอาจพุ่งทะยานขึ้นไปถึงระดับ 6,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ภายในฤดูใบไม้ผลิในปี 2026 หรือในช่วงระหว่างมีนาคมถึงพฤษภาคม 2026
นายไมเคิล ฮาร์ทเน็ต เปิดเผยต่อไปว่า นักลงทุนระยะยาวมีจำนวนไม่มาก ที่มีการจัดพอร์ตการลงทุนโดยมีโครงสร้างพอร์ตการลงทุนที่รวมทองคำอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม จากการคำนวณโดยส่วนตัวพบว่าในปัจจุบัน การลงทุนทองคำแท่งคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.5% ของสินทรัพย์ส่วนบุคคล สอดคล้องกับการลงทุนทองคำแท่งคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.5% ของสินทรัพย์นักลงทุนสถาบัน ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารแบงค์ ออฟ อเมริกา
ท่ามกลางปัจจัยอื่นๆ เช่นการคาดการณ์ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาหรือเป็ดคนใหม่ที่จะจะมีขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2026 นโยบายเศรษฐกิจในช่วงที่ขยายตัวหรือในช่วงที่เกิดภาวะฟองสบู่ และภาวะราคาทองคำในตลาดโลกที่มีราคาเพิ่มขึ้นคล้ายกับในช่วง ปี 1934 และปี 1973 ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้ล้วนเอื้อให้นักลงทุนตัดสินใจเข้าลงทุนในสินทรัพย์ Debasement Trade ได้แก่ ทองคำ หุ้น และเงินคริปโตเคอร์เรนซี การลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงิน เนื่องจากภาวะเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่า
สัญญาณการลงทุนอย่างคึกคักในสินทรัพย์ประเภทโลหะมีค่าซึ่งรวมถึงการลงทุนในทองคำตลาดโลกนั้นยังสะท้อนได้จากเงินลงทุนรายสัปดาห์สุทธิพบว่ามีเม็ดเงินเข้าลงทุนสูงถึง 7,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 247,000 ล้านบาท ทำสถิติเงินลงทุนรายสัปดาห์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้นับตั้งแต่ต้นปี 2025 นี้มีเงินลงทุนสะสมสูงขึ้นถึง 79,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.57 ล้านล้านบาท ทำสถิติเงินลงทุนรายปีสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วย