ชิปหายฉุดยอดผลิตรถยนต์ของไทยทั้งปีลง 50,000 คัน หลุด 1.8 ล้านคัน

344
0
Share:

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์ของสมาชิกกลุ่ม ในปี พ.ศ. 2565 ปรับลดเป้าผลิตรถยนต์ปี 2565 จาก 1,800,000 คัน เป็น 1,750,000 คัน ลดลง 50,000 คัน เป็นผลจากการผลิตส่งออกลดลง จาก 1,000,000 คัน เป็น 900,000 คัน

สาเหตุจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) จากสงครามยูเครน-รัสเซียที่เกิดขึ้นปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 คงยืดเยื้อนาน ซึ่งทั้งสองประเทศส่งออกรายใหญ่ก๊าซนีออนที่เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และสงครามนี้ยังได้ทำให้การส่งออกรถยนต์ไปทั้งสองประเทศนี้ลดลงกว่า 2 หมื่นคัน

นอกจากนี้ การล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ช่วงเมษายน-พฤษภาคม 2565 ทำให้ขาดแคลนชิ้นส่วนและเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นเพราะโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่อยู่ที่เซี่ยงไฮ้ และประเทศเมียนมาประกาศห้ามนำเข้ารถยนต์เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2565 ทำให้ส่งออกรถยนต์ลดลงกว่า 2,000 คัน ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ไต้หวัน ตะวันออกกลาง เป็นต้น และอัตราเงินเฟ้อที่สูงมาก ทำให้ประเทศต่าง ๆ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง

อย่างไรก็ตาม กลุ่มได้ปรับเพิ่มเป้าผลิตขายในประเทศขึ้นจาก 800,000 คัน เป็น 850,000 คัน เป็นผลจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการการเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากต่างประเทศสะดวกขึ้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวและนักลงทุนเดินทางเข้าประเทศหลายล้านคน

สาเหตุจากกำลังซื้อฟื้นตัวภายหลังจากการส่งออกยังคงเติบโตจากปีที่แล้วที่มูลค่าส่งออกทำสถิติสูงสุด ทำให้ประชาชนมีงานทำมีรายได้เพิ่มขึ้น และรัฐบาลประกันรายได้สินค้าเกษตร 5 ชนิด ตลอดจนการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้ง เราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง การลดภาษีเงินได้นิติบุคคลด้วยการเพิ่มค่าใช้จ่ายการประชุม การจัดสัมมนา การผ่อนคลายการล็อกดาวน์เรื่องโควิด-19 ทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ประชาชนมีรายได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมาจากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่

สำหรับภาพรวมการผลิตในเดือนกรกฎาคม 2565 มี 142,958 คัน เพิ่มขึ้น 16.07% จากเดือนกรกฎาคม 2564 จากการผลิตเพื่อส่งออก เพิ่มขึ้น 2.07% ได้ 71,387 คัน และผลิตเพื่อขายในประเทศ 71,571 คัน เพิ่มขึ้น 16.07%

ส่งผลให้มียอดผลิต 7 เดือนสะสม (มกราคม-กรกฎาคม) 2565 รวม 1,013,069 คัน เพิ่มขึ้น 4.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการผลิตเพื่อส่งออกได้ 513,965 คัน ลดลง 7.59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลิตเพื่อขายในประเทศได้ 499,104 คัน เพิ่มขึ้น 21.26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนภาพรวมยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกรกฎาคม 2565 มีจำนวน 64,033 คัน ลดลง 5.77% จากเดือนมิถุนายน 2565 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 22.10% เพราะรัฐบาลผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างประเทศเข้าประเทศสะดวกขึ้น มีนักท่องเที่ยวและนักลงทุนเดินทางเข้าประเทศกว่า 3 ล้านคน รวมทั้งการส่งออกที่ยังคงเติบโต การประกันรายได้เกษตรกร การกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เช่น เราเที่ยวด้วยกัน

และยอดขายในช่วง 7 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2565 รถยนต์มียอดขาย 491,329 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ในระยะเวลาเดียวกัน 15.43% ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 1,040,440 คัน เพิ่มขึ้น 5.32%

ขณะที่ภาคการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนกรกฎาคม 2565 ส่งออกได้ 83,086 คัน เพิ่มขึ้น 12.45% จากเดือนที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 17.70% จากเดือนกรกฎาคม 2564 คิดเป็นมูลค่า 74,211.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.28% จากเดือนกรกฎาคม 2564 จากการส่งออกรถกระบะและรถยนต์นั่ง จึงส่งออกเพิ่มขึ้นทุกตลาดยกเว้นตลาดเอเชียที่ส่งออกลดลง เพราะผลิตรถ PPV ส่งออกลดลง มูลค่าการส่งออก 51,987.15 ล้านบาท ลดลง 19.70% จากเดือนกรกฎาคม 2564

ทั้งนี้ รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2565 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 479,981.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.23% จากเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2564 ร้อยละ 2.23