BTimes Weekend: ‘Bitkub EP.3’ สินทรัพย์คริปโทฯ ไทย กฎหมายหนุนหรือชะลอโอกาสลงทุน

927
0
Share:

Feb 27, 2022

ถอดบทเรียนกฎหมายคริปโทเคอร์เรนซี และการเก็บภาษี สนับสนุนหรือชะลอการเติบโตการลงทุนในประเทศไทย

ภาษี คริปโทเคอร์เรนซี สินทรัพย์ดิจิทัล - บิทคอยน์

(ขอบคุณรูปจาก Rafael Classen, pixels)

เฮกับกำไรกันไม่ทันไร ก็ต้องช็อครับปีใหม่ เมื่อมีข่าวออกมาว่ากรมสรรพากรจะทำการจัดเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล หรือคริปโทเคอร์เรนซี อ้างอิงจากกฎหมายการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ที่ระบุว่าสินทรัพย์ดิจิทัลหากมีกำไร หรือมีผลตอบแทนต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย 15% ของกำไร และบุคคลที่มีเงินได้จากการซื้อขายจะต้องยื่นแบบแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือสรุปอย่างง่ายก็คือให้ทำการยื่นเฉพาะส่วนที่เป็นกำไรเท่านั้น หลังจากที่ข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปก็ทำเอานักลงทุนหัวร้อนกันไปไม่น้อยจนเกิดการวิจารณ์อย่างร้อนแรงบนโลกออนไลน์ ทำเอากรมสรรพากรต้องเปิดโต๊ะหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทาง หลักเกณฑ์การคิดภาษีจากกำไรการขาย หรือการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีให้มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน กระทั่งได้ข้อสรุปว่าให้นำผลขาดทุนมาหักลบกำไรในปีภาษีเดียวกันได้

คุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บิทคัพ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ Bitkub พูดคุยเรื่อง ภาษี คริปโทเคอร์เรนซี

เชื่อว่าหลังจากที่อ่านข้อมูลข้างต้นไป นักลงทุน หรือผู้ที่สนใจลงทุนต้องสับสนเป็นแน่ว่าทำไมกรมสรรพากรถึงต้องเรียกเก็บภาษี โดยส่วนนี้คุณท็อป–จิรายุส ก็ได้ให้คำตอบไว้ว่า เงินถูกบัญญัติความหมายครั้งล่าสุดเมื่อ พ.ศ.2475 โดยยุคนั้นอินเทอร์เน็ตยังไม่ถือกำเนิด ส่งผลนิยามของคำว่าเงินไม่ครอบคลุมมาถึงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโทเคอร์เรนซี ดังนั้นทำให้อำนาจการกำกับดูแลตกไปอยู่กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และเมื่อถูกบัญญัติให้เป็นทรัพย์สิน กรมสรรพากรจึงต้องเข้ามาทำหน้าที่ตามความหมาย ส่งผลให้เกิดการเก็บภาษีตามมา ซึ่งในอนาคตก็ควรจะมีการหาข้อสรุปร่วมกัน เพื่อทำการบัญญัติความหมาย และออกกฎหมายใหม่ให้เกิดความเหมาะสมต่อไป

ภาษี คริปโทเคอร์เรนซี สินทรัพย์ดิจิทัล - บิทคอยน์

(ขอบคุณรูปจาก RODNAE Productions, pixels)

หากจะถามว่าทำไมถึงควรบัญญัติความหมาย และออกกฎหมายใหม่ให้เกิดความเหมาะสม ก็เพราะข้อกำหนดในปัจจุบันไม่ได้เอื้อต่อการลงทุนเท่าไรนัก อีกทั้งผู้ให้บริการที่เป็นคนวางระบบก็ยังมีไม่มาก การจัดเก็บภาษีในตอนนี้จึงอาจส่งผลในระยะยาวต่อการลงทุนทั้งในเชิงบุคคล และเชิงโครงสร้าง รวมถึงอาจทำให้นักลงทุนที่สนใจลงทุนในประเทศไทย หันไปเลือกลงทุนในประเทศอื่นที่ละเว้นการเก็บภาษีส่วนนี้แทน เมื่อผู้เล่นและผู้ลงทุนหาย แน่นอนว่าเงินลงทุนก็ย่อมหายไป และต่อไปก็อาจจะไม่มีภาษีสินทรัพย์ดิจิทัลให้เรียกเก็บอีกแล้วก็เป็นได้

ในข้อกังวล คุณท็อปก็ยังมีความเข้าใจในการทำงานของกรมสรรพากร เนื่องจากเห็นความพยายามที่จะทำความเข้าใจตลอดจนเร่งหารือกับทุกภาคส่วน จนได้ข้อสรุปดังที่ออกมาให้เห็นในปัจจุบัน ซึ่ง Bitkub เองก็ได้อำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนในแพลตฟอร์ม ด้วยการออกระบบ Track Calculator อำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนในการนำข้อมูลไปใช้ยื่นภาษี โดยนักลงทุนทีเปิดบัญชีกับ Bitkub สามารถดาวน์โหลดรายละเอียดการทำธุรกรรมส่วนตัวได้ด้วยตนเองผ่านแพลตฟอร์ม

สุดท้ายหากกฎหมายเกิดการเปลี่ยนแปลงให้เอื้อต่อการลงทุนในรูปแบบคริปโทเคอร์เรนซี ก็จะส่งผลให้เกิดโอกาสการลงทุน การจ้างงาน ที่เทิร์นกลับมาเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมหาศาล

BTimes