BTimes : ‘KAD KOKOA’ ถ้าไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยว ก็ไม่เกิดธุรกิจวันนี้
July 28, 2020
จากที่ปรึกษาด้านกฎหมาย สู่เส้นทางการเป็นเจ้าของคาเฟ่โกโก้สุดชิคใจกลางเมือง
หลังจากที่ทำงานเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวัน ทำให้หลายคนเริ่มมองหาแหล่งพักผ่อน โดย ‘คาเฟ่’ ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดฮิต ที่ผู้คนให้ความสนใจพาร่างกายอิดโรยมาเติมพลังงาน ด้วยการจิบเครื่องดื่มหอมๆ กับขนมแสนอร่อย ผสมไปกับบรรยากาศร่มรื่น ชวนผ่อนคลาย กระตุ้นให้สมองเกิดจินตนาการ เผลอๆ อาจทำให้ได้ไอเดียเจ๋งๆ กลับไปด้วย
กาด โกโก้ (Kad Kokoa) คาเฟ่สุดชิคที่ตั้งอยู่ในซอยนราธิวาส 17 อัดแน่นไปด้วยธรรมชาติ และบรรยากาศสุดคลาสสิคให้ความรู้สึกเสมือนนั่งพักผ่อนในสวนแถวชนบท โดยคุณปณิธิ ชุณหสวัสดิกุล เจ้าของร้านได้เล่าถึงความเป็นมาว่า เดิมทีเขาและภรรยาประกอบอาชีพเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายเรื่องการลงทุนให้กับกองทุน หรือนักลุงทุนต่างๆ จนวันนึงรู้สึกอิ่มตัว อยากทำอะไรที่ใกล้ชิดธรรมชาติ จึงขับมอเตอร์ไซค์ผจญภัยไปเรื่อยๆ กระทั่งได้มาเจอสวนของคุณลุงท่านหนึ่งที่แบ่งพื้นที่ปลูกทั้งมะเดื่อฝรั่ง แมคคาเดเมีย และโกโก้ โดยไร่แห่งนี้มีความสวยงามมาก ทำให้คุณปณิธิเกิดความชื่นชอบ และตัดสินใจซื้อที่ในที่สุด พร้อมกับได้รับความช่วยเหลือและคำแนะนำต่างๆ จากคุณลุง
ตอนแรกคุณปณิธิเลือกที่จะปลูกมะเดื่อฝรั่งต่อ แต่ปัจจัยส่วนตัวหลายด้านยังไม่เอื้ออำนวย คุณลุงจึงแนะนำให้ลองปลูกโกโก้ เลยถือโอกาสกลับไปศึกษาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตควบคู่กับดูตัวอย่างจากสวนคุณลุง พบว่าโกโก้นั้นดูแลไม่ยาก อีกทั้งยังได้รับความนิยมจากต่างประเทศในเรื่องของการนำโกโก้มาผลิตเป็นช็อกโกแลต แทนการซื้อช็อกโกแลตสำเร็จรูป โดยมีแหล่งผลิตในอเมริกา และยุโรปเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้ปลูกเอง เนื่องจากโกโก้ต้องปลูกในเมืองร้อน นิยมปลูกมากในแอฟฟริกา ซึ่งตรงกับสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย จึงเกิดเป็นไอเดียที่จะนำเมล็ดโกโก้มาแปรรูปเป็นช็อกโกแลต นับเป็นจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ Kad Kokoa
“คือแฟนผมเขาเป็นคนเก่ง Research ทางอินเทอร์เน็ตมาก ก็หาจนกระทั่งเรามารู้ว่าจริงๆ โกโก้เมืองไทย ก็ได้รับการสนับสนุนมานานแล้ว แต่ไม่ได้กว้างขวางมาก และมีการการตั้งศูนย์ศึกษาอยู่ที่จังหวัดชุมพร พันธุ์ที่เราใช้ทุกวันนี้เรียกว่า พันธุ์ชุมพร”
หลังจากตัดสินใจที่จะทำสวนโกโก้ คุณปณิธิและภรรยาก็เดินหน้าหาข้อมูลอย่างจริงจัง จนไปพบว่าในประเทศไทยมีการสนับสนุนเรื่องของการปลูกโกโก้มานานแล้ว แต่ถูกจำกัดอยู่ในวงแคบ อีกทั้งยังมีการตั้งศูนย์ศึกษาอยู่ที่จังหวัดชุมพร ซึ่งปลูกทั้งกาแฟโรบัสต้า และโกโก้ จึงทำการประสานงานเข้าไปขอรับเมล็ดพันธุ์มาปลูกในสวนของตน โดยได้รับความร่วมมือจากชาวสวนชุมพรเป็นอย่างดี ระหว่างรอผลผลิต ก็ไม่ได้ทิ้งเวลาให้เสียเปล่า ทั้งคู่ได้เดินหน้าศึกษาต่ออย่างจริงจังเกิดเป็นแรงบันดาลใจที่จะทำให้โกโก้ไทยเป็นที่รู้จักในอนาคต
“พอเวลาเราทำอะไรที่ไม่ได้สนใจว่าลงทุน หรือการทำงานเป็นยังไง มันก็เลยกลายเป็นทำ 7 วันต่อสัปดาห์ คิดไปเรื่อยๆ มันสนุกดี และเวลาเราได้ไปสวน ไปเชียงใหม่ ไปใต้ หรือแม้กระทั่งตอนนี้เราเริ่มไปเปิดตัวในต่างประเทศเหมือนกับการไปเที่ยวไปในตัว เลยไม่ต้องมารู้สึกว่าต้องมานั่งลาวัน ไม่ต้องมาตอกบัตร เก็บใส่ลิ้นชักโยนทิ้งไปหมดแล้ว คิดอยู่แค่อย่างเดียวว่าปลายเดือนจะมีเงินจ่ายลูกน้องหรือเปล่า”
เมื่อก้าวสู่เส้นทางการมีธุรกิจเป็นของตัวเองเต็มตัว ทำให้ทั้งคู่ได้ค้นพบความสนุกรูปแบบใหม่ อีกทั้งยังได้ใช้ชีวิตไปพร้อมกับการผ่อนคลายโดยไม่ต้องกังวลกับข้อจำกัดอีกด้วย
