ส่องซอฟต์พาวเวอร์ปังๆ จาก “ลิซ่า BLACKPINK” หนุนท่องเที่ยว สินค้า อาหาร และวัฒนธรรม ปัจจุบันมีอะไรแล้วบ้างนะ? 

1335
0
Share:

ส่องซอฟต์ พาวเวอร์ ปังๆ จาก “ลิซ่า BLACKPINK” หนุนท่องเที่ยว สินค้า อาหาร และวัฒนธรรม ปัจจุบันมีอะไรแล้วบ้างนะ? 

วินาทีนี้ไม่มีใครจะไม่รู้จัก “ลิซ่า BLACKPINK” หรือ ลลิษา มโนบาล ศิลปินคนไทยดีกรีความฮอตความปังระดับโลก ที่ไม่ว่า เธอจะหยิบจับอะไร ก็เป็นกระแสให้บรรดาแฟนคลับแห่ซื้อตาม นอกเหนือจากแบรนด์ที่เธอเองเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์แล้ว สินค้าไทยหรือแม้แต่อาหารไทยสุดฮิตในบ้านเรา ถ้าลิซ่าไปทาน หรือหยิบมาใช้ ก็จะกลายเป็นอานิสงส์ให้กับแบรนด์สินค้านั้นๆได้ โดยที่ไม่ต้องโปรโมทหรือทำโฆษณา ซ้ำยอดขายก็พุ่งพรวดขึ้นมาทันทีทันใด

วันนี้ BTimes จึงได้รวบรวมสินค้า อาหาร สถานที่ต่างๆ ในไทย ที่ลิซ่าไปเยือนมาแล้วจนเกิดเป็นกระแส เอื้ออานิสงส์ไปยังสินค้า และสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ ให้มีผู้คนเดินทางไปเยือน หรือจับจ่ายมาลองชิมลองใช้ แต่ว่าจะมีอะไรบ้าง มาดู!

1. นมถุงหนองโพ

ประเด็นล่าสุดที่ทำเอานมถุงหนองโพแทบจะขาดตลาด เนื่องจากได้มีการโพสต์คลิปจากแพลตฟอร์มติ๊กต็อก ปรากฎภาพของน้องลิซ่ากำลังถือนมถุงยี่ห้อ “หนองโพ” ดันให้เกิดเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็วบนโซเชียลมีเดีย ส่งให้นมถุงหนองโพขายดิบขายดี จนยอดขายผลิตภัณฑ์จากนมสดหนองโพช่วง 2-3 วันมานี้ พุ่งขึ้นกว่า 70%

และจากความปังนี้ ทำให้ทางสหกรณ์โคนมหนองโพ ราชบุรี จำกัด ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตนมถุงอีกหนึ่งเท่าตัว เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการที่มากขึ้น จากปัจจุบันสหกรณ์โคนมหนองโพฯ เอง มีกำลังการผลิต 150 ตันต่อวัน ซึ่งช่วงปกติจะมียอดขายเดือนละ 200-300 ล้านบาท แบ่งเป็นขายในประเทศ 70% และต่างประเทศอีก 30% อีกทั้งกระแสในต่างประเทศที่ดีขึ้นต่อเนื่องทำให้ต้องเพิ่มกำลังการผลิต

คุณกล้าหาญ แก้วจีน ประธานกรรมการสหกรณ์โคนมหนองโพ ราชบุรี จำกัด ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ยืนยันด้วยว่า นมถุงหนองโพไม่ขาดตลาดแน่นอน และต้องขอบคุณ ‘ลิซ่า’ ที่ไม่ลืมผลิตภัณฑ์จากเกษตรกรของไทย แถมช่วยให้ทั่วโลกได้รู้จักสินค้าคุณภาพจากสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี ทำให้เกษตรกรยิ่งมีกำลังใจมากขึ้นด้วย

2. สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 

ประเด็นนี้คือการที่ ‘ลิซ่า’ ได้สวมใส่ผ้าไทยเป็น ‘ผ้ามัดหมี่ย้อมครามหมักโคลน’ จากร้านชานเรือน ตลาดผ้านาข่า จังหวัดอุดรธานี แล้วได้เดินทางไปท่องเที่ยวยังวัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยากับกลุ่มเพื่อน นอกจากจะทำให้ผ้าไทยและสถานที่ท่องเที่ยวของไทยโด่งดังไปทั่วโลก ยังเป็นการช่วยปลุกกระแสผ้าไทยให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มชาวไทยและชาวต่างชาติ ส่งผลพวงให้ผู้คนหันมาอุดหนุนผ้าไทย รวมถึงเที่ยวตามรอยลิซ่า เกิดเป็นรายได้หมุนเวียนที่มากขึ้นในภาคการท่องเที่ยว ไปจนถึงสินค้าพื้นเมืองของไทย

3. ยาดมหงส์ไทย

เริ่มเรื่องราวจากการที่ ‘ลิซ่า’ บินกลับมาประเทศไทย เพื่อฉลองวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 26 ปี แบบส่วนตัวกับครอบครัวและเพื่อนสนิทช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งทั้งลิซ่าและเพื่อนที่อยู่ในงานก็ได้ลงรูปในอินสตาแกรมของแต่ละคน โดยหนึ่งในเพื่อนของลิซ่าได้ลงรูปในอินสตาแกรม @aantpw ซึ่งมีอยู่รูปหนึ่งเห็น ‘ลิซ่า’ ถือ ‘ยาดมหงส์ไทย’ แบบหลอดในมืออย่างชัดเจน หลังจากนั้นจึงกลายเป็นกระแส แห่ซื้อตามลิซ่าในราคาที่จับต้องได้ เพียงแค่หลอดละ 28 บาทเท่านั้น

จุดนี้เรียกว่ายอดขายหงส์ไทยพุ่งถล่มทลาย จนเมื่อวันที่ 4 เม.ย. 66 เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานใหญ่ บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ต้องออกมาโพสต์ข้อความขออภัยลูกค้า เนื่องจากกระแสตอบรับของยาดมผสมสมุนไพร ตราหงส์ไทย สูตร 2 (หลอดสองด้าน) ดีมาก ทำให้สินค้าหมดสต๊อกด้วยความไวแสงภายในเวลาเพียงข้ามคืน เรียกได้ว่า ‘ยาดมกระปุกเขียวหงส์ไทย’ ดาวค้างฟ้าในตำนานขวัญใจวัยรุ่น-วัยทำงานต้องมีร้อนๆ หนาวๆ แน่ เพราะดาวดวงใหม่อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ในเครืออย่าง ‘ยาดมหลอดสองด้านสูตร 2’ ได้ตีคู่ขึ้นแท่นขวัญใจวัยรุ่นแล้วเช่นกัน

4. ชุดไทย รัดเกล้ายอด สไบทอง

ประเด็นนี้มาจากมิวสิควิดีโอเพลงเปิดตัวอัลบั้มเดี่ยว ‘LALISA’ โดยซีนทอล์คออฟเดอะทาวน์สุดๆ ต้องยกให้ซีนที่ลิซ่าเผยโฉมในชุดไทยประยุกต์ พร้อมสวมใส่รัดเกล้ายอด สะท้อนกลิ่นอายความเป็นไทยได้อย่างลงตัวจนตราตรึงใจแฟนคลับทั่วโลก พร้อมทั้งตกแฟนๆ หน้าใหม่เข้าด้อมได้อีกเพียบ และถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียล หลายคนต่างพากันชื่นชมตัวน้องและผู้ออกแบบชุดดังกล่าว รวมถึงมีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านก็ได้ออกมาให้ความรู้ถึงที่มาที่ไปเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายที่ลิซ่าสวมใส่ ไปจนถึงวัฒนธรรมไทยให้ทั่วโลกได้รู้จัก ซึ่งถึงแม้กระแสในช่วงนั้นจะมีทั้งบวกและลบ แต่จุดนี้ต้องขอชื่นชมน้องลิซ่าที่นำเสนอความเป็นไทยออกมาได้อย่างสวยงาม สร้างสีสันกระตุ้นยอดขายให้บรรดาร้านค้าที่ขายสินค้าประเภทนี้กลับมามีความคึกคักอีกครั้ง หลังจากเจอโรคระบาดปิดประตู

5. ลูกชิ้นยืนกิน

ประเด็นนี้เกิดจากการที่ลิซ่าให้สัมภาษณ์ในรายหนึ่ง โดยได้มีการพูดถึง ‘ลูกชิ้นยืนกิน’ ที่เคยได้ทานในวัยเด็ก ตอนที่ยังใช้ชีวิตที่บุรีรัมย์ บ้านเกิดของลิซ่า แม้เป็นเพียงครั้งเดียวที่ลิซ่าพูดถึง แต่ก็ทำให้ ‘ลูกชิ้นยืนกิน’ ของจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง บรรดาร้านลูกชิ้นยืนกินต่างก็ขายดิบขายดี เกิดเป็นอาชีพที่นอกเหนือจากที่บ้านเกิดของลิซ่าอีกมากมายต่อมา (เพราะแถวบ้านแอดก็มีเหมือนกัน)

6. อาหารไทย

เมนูอาหารยอดฮิตของบ้านเราอย่าง ‘หมูกระทะ’ ลิซ่าเองก็ไม่พลาด และเป็นเมนูโปรดเช่นกัน เพราะล่าสุดที่ลิซ่ามาไทย ได้ไปกินหมูกระทะที่ร้านพลาญชัย บาร์บีคิว ถนนโชคชัย 4 ซอย 54 โดยร้านดังกล่าวเป็นร้านหมูกระทะที่ลิซ่าและครอบครัวมานั่งทานร่วมกันในคืนของวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมานี้เอง หลังจากนั้นบรรดาแฟนคลับก็แห่ตามรอยลิซ่ากันยกใหญ่ ทำเอาคนแน่นร้านแทบทุกวันเลยทีเดียว

นอกจากนั้นยังมีร้านเหลาเหลา ร้านข้าวต้มมื้อดึกย่านอารีย์ ริมถนนพหลโยธิน ที่เปิดมาอย่างยาวนานถึง 42 ปี ส่วนใหญ่เป็นเมนูอาหารไทย อาหารจีน เปิดดึกจนถึงตี 3 ซึ่งเมนูที่น้องได้ไปรับประทานก็คือ ‘สปาเกตตี้ซอสเขียวหวานและอกไก่’ ซึ่งแน่นอนว่าเมนูนี้ได้กลายเป็นซิกเนเจอร์ของร้านไปแล้ว

และอีกเมนูก็คือ ‘น้ำเต้าหู้ เจ๊วรรณ’ ที่ซอยจุฬา บอกเลยว่าหลังจากที่ลิซ่ามาเยือนก็เกิดปรากฏการณ์คิวยาวข้ามวันข้ามคืน เหล่านักกิน และ Blink ไทยต่างตบเท้าเดินทางมาลิ้มลองความอร่อยตามลิซ่ากันถ้วนหน้า นอกจากนี้ยังมีเมนูพะแนงไก่ โรตีสายไหม ขนมถ้วย และขนมเปี๊ยะลาวา ที่บรรดา Blink ไทย-เทศก็หาทานตามรอยลิซ่ากันเต็มไปหมดเช่นกัน

ไม่ว่าลิซ่าจะหยิบจับ หรือไปเที่ยวที่ไหนในประเทศไทย บรรดาแฟนคลับหรือชาว Blink ก็พากันตามรอยช้อป ชิม ใช้ ท่องเที่ยว  พร้อมโพสต์ภาพอวดกันสนั่นโลกโซเชียล ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและช่วยปลุกชีพให้ตลาดชุมชนของชาวบ้านกลับมาคึกคักได้ไม่มากก็น้อย สะท้อนให้เห็นถึงอานุภาพของซอฟต์ พาวเวอร์ ไทย (Thai Soft Power) ที่ไม่เพียงแค่คนไทย แต่ยังลามไปยังชาวต่างชาติ ให้ได้เริ่มต้นรู้จักประเทศไทย อาหารไทย จากสาวไทย ‘ลิซ่า BLACKPINK’

ถ้าจะย้อนกลับไปจะเห็นว่า ‘ลิซ่า’ ได้ช่วยโปรโมทประเทศไทยแบบอ้อมๆ มาอย่างต่อเนื่อง ผ่านพลังของโซเชียลมีเดียที่ง่าย รวดเร็ว เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และลงทุนน้อยที่สุด แต่เกิดไวรัล สร้างซอฟต์ พาวเวอร์ได้มหาศาล ถ้าหน่วยงานภาครัฐของไทยสามารถหยิบจับเอาซอฟต์ พาวเวอร์ ที่ลิซ่าได้ทำไว้ หรือไม่ใช่แค่ลิซ่า แต่อาจเป็นศิลปินไทยคนอื่นๆ หรือแม้แต่ศิลปินต่างชาติที่เดินทางมาทัวร์ประเทศไทยมาเป็นอีกหนึ่งไอเทมในการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว ยิ่งหากจับถูกจุดก็จะช่วยให้เกิดเป็นกระแส สร้างงานสร้างอาชีพให้กับชุมชนในละแวกแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ ไปจนถึงกระตุ้นการจับจ่ายได้ดีและยั่งยืนในอนาคตได้ต่อไป…

BTimes