แชทจีพีที โ-ค-ต-ร ปัญญาประดิษฐ์ ช็อคโลกการศึกษาตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงปริญญาเอก ครูอาจารย์ (อาจ) ถึงยุคขึ้นหิ้งพิพิธภัณฑ์เร็วกว่าเดิมอีก

1151
0
Share:

รู้ไหม? แชทจีพีที (ChatGPT) ที่จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ใช้เวลาแค่ 5 วันเท่านั้น มีคนสมัครใช้งานถึง 1 ล้านคนทั่วโลก ที่ว่าเจ๋งและเป็นตำนานไม่มีแอปฯ ไหนล้มสถิติแชมป์ได้แน่อย่างแอปพลิเคชันอินสตาแกรม หรือไอจี ยังใช้เวลา 2 เดือนครึ่งถึงจะมีคนใช้ 1 ล้านคน!

หลังเปิดตัวมาประมาณ 2 เดือน ได้ป่วนไปหลายวงการทั่วโลกแล้ว กับเจ้า “แชทจีพีที” (ChatGPT) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ซุปเปอร์ฉลาดล้ำสามารถให้คำตอบได้แทบทุกอย่างในเวลาเพียงไม่กี่วินาที จนหลายคนกลัวว่าในอนาคตหากโปรแกรมนี้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายจริงๆ… เราจะตกงานไหม
พูดเข้าใจกันง่ายๆ แชทจีพีที คือโปรแกรมที่พัฒนามาเพื่อช่วยตอบคำถามคนให้เหมือน “คนคุยกับคน” อย่างถูกต้อง แม่นยำสุด เพราะปกติเสิร์ชเอนจิน (Search Engine) ทั่วไปอย่าง กูเกิล (Google) ที่คนไทยใช้กันทุกวันนี้ ตอนที่คนกำลังทำการบ้านและอยากรู้คำตอบ เมื่อพิมพ์ค้นหาเข้าไปก็จะได้คำตอบกลับมาเป็นลิงก์ให้เข้าไปกดหาเว็ปโน่นนี่นั่นกันเอง แต่แชทจีพีที นอกจากจะใช้เวลาคิดหาคำตอบแค่ไม่เกิน 1-2 ลมหายใจเข้าออก ยังตอบกลับมาเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบที่เอาไปใช้ตอบได้เลย ถึงขั้นที่ว่ากลายเป็นประเด็นร้อนของโลกการศึกษาแล้ว เมื่อแชทจีพีทีสามารถทำข้อสอบระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจ หรือ MBA ของวาร์ตั้น สกูล หรือ Wharton School โรงเรียนสาขา MBA ใน 5 อันดับแรกที่ดีที่สุดของโลกได้ถูกต้อง แม่นยำ ขนาดศาสตราจารย์ประจำสอยที่วาร์ตั้นสกูลแห่งนี้ยังต้องยอมรับว่า มันช็อคเราแล้ว

และไม่เพียงแค่การตอบคำถามการบ้าน หรือการถามเพื่อหาข้อมูลต่างๆ แต่แชทจีพีทียังทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยวางแผนต่างๆ ได้ เช่น ให้เขียนแผนเดินทางท่องเที่ยว เขียนตารางวัตถุดิบเพื่อนำมาทำอาหาร จนไปถึงให้แต่งเพลงยังได้เลย

หรือแม้แต่การทำเรื่องที่ยากมากๆ อย่างการเขียนโค้ดที่โปรแกรมเมอร์ต้องเสียเวลาหลายวันนั่งเขียน แต่แชทจีพีที สามารถเขียนได้ในเวลาไม่กี่วินาที แถมเขียนได้ทุกภาษาซอฟท์แวร์ และอธิบายให้ด้วยว่าโค้ดนี้นำไปใช้ทำอะไรได้

แชทจีพีทีนั้นไม่ได้มีแต่ข้อดีเพราะเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นปัญญาประดิษฐ์ ก็ยังมีความเสี่ยงทางจริยธรรม ซึ่งทางกูเกิล และ อเมซอน ก็เคยออกมยอมรับว่าหลายครั้งต้องให้มนุษย์เข้ามาแก้ปัญหาแทนปัญญาประดิษฐ์ ขณะเดียวกันการตอบคำถามต่างๆ ของแชทจีพีทีนั้นเป็นการดึงข้อมูลมาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั่วโลก เพราะฉะนั้นไม่ได้หมายความว่าทุกคำตอบที่ได้จากแชทจีพีทีจะถูกต้อง 100% เสมอไป

มีผู้ใช้ 1 ล้านคน ใน 5 วัน

ถึงแม้จะยังไม่สมบูรณ์ 100% แต่ความฉลาดของแชทจีพีทีได้ถูกบอกต่อผ่านโลกโซเชียลอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างสถิติใหม่มีผู้ใช้งานครบ 1 ล้านคนเร็วที่สุด เพียง 5 วันเท่านั้น (ข้อมูลจาก Statista) หากย้อนไปในอดีตจะพบว่าแชทจีพีมีผู้ใช้ครบ 1 ล้านคนเร็วกว่าแพลตฟอร์มที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้หลายเท่า

โดยเน็ตฟลิกซ์ แพลตฟอร์มดูหนังชื่อดังที่เปิดตัวในปี 1999 ต้องใช้เวลาถึง 3 ปีครึ่ง ถึงจะมีผู้ใช้ครบ 1 ล้านบัญชี ด้านเฟซบุ๊ก โซเชียลมีดีที่คนไทยใช้กันอย่างแพร่หลายที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 ใช้เวลา 10 เดือน

ขณะที่ทวิตเตอร์ ที่เปิดตัวในปี 2006 ในเวลา 2 ปี ส่วน สปอติฟาย แพลตฟอร์มฟังเพลงที่เปิดตัวในปี 2008 ใช้เวลา 5 เดือน และ อินสตาแกรม แพลตฟอร์มแชร์รูปภาพและวิดีโอที่เปิดตัวในปี 2010 ใช้เวลา 2 เดือนครึ่ง

วงการบิ๊กไฮเทคโนโลยีสั่นสะท้าน

จากความเก่งกาจในการตอบคำถามและกระแสที่คนทั่วโลกต่างตื่นตัวกับแชทจีพีที ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ไมโครซอฟท์, กูเกิล และอเมซอน ต่างออกมาขยับตัวกันยกใหญ่

สำหรับไมโครซอฟท์นั้นเรียกว่าเป็นโอกาสมากที่สุด เมื่อมีข่าวว่าไมโครซอฟท์สนใจนำแชทจีพีทีเข้าไปรวมกับเสิร์ชเอนจินอย่าง “บิง” (Bing) ที่ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้ตามหลังกูเกิลอย่างไม่ติดฝุ่น ตามข้อมูลของ Statcounter เปิดเผยว่า กูเกิลมีผู้ใช้ 92.58% ส่วน บิงมีผู้ใช้เพียง 3.03% เท่านั้น แน่นอนว่าความฉลาดของแชทจีพีที หากเข้ามารวมร่างกับบิง และเปิดให้คนทั่วไปได้ใช้ก็จะกลายเป็นจุดเปลี่ยน ทำให้ไมโครซอฟท์กลับมาเป็นผู้นำด้านเครื่องมือค้นหา ถึงแม้อาจจะต้องควักกระเป๋าลงทุนมหาศาลในระดับพันล้านดอลลาร์ก็ตาม

ด้านกูเกิล จะเป็นบริษัทที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดหากโปรแกรมแชทจีพีทีถูกนำมาเปิดให้ใช้ฟรีทั่วโลก เพราะปัจจุบันกูเกิลยังพึ่งพารายได้จากค่าโฆษณาที่แบรนด์ต่างๆ มาลงผ่านเสิร์ชเอนจิน (Search Engine) มากถึง 81% ของรายได้ทั้งหมด เฉพาะในไตรมาส 4 ปี 65 ที่ผ่านมา มีรายได้จากโฆษณามากถึง 61,239 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2 ล้านล้านบาท) ซึ่งล่าสุดทำให้กูเกิลต้องออกมาให้ข่าวว่ามีแผนจะปล่อยเสิร์ชเอ็นจิ้นที่มีฟีเจอร์แชทบอทภายในปีนี้ คาดว่าจะเป็นภายในงาน Google I/O

ส่วนอเมซอน ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซ ที่พนักงานเริ่มนำแชทจีพีทีไปใช้กับการช่วยตอบคำถามต่างๆ เช่นงานบริการลูกค้า ไปถึงการใช้เพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาของทีมวิศวกรอีกด้วย จนทำให้ฝ่ายกฎหมายต้องออกมาเตือนว่าอย่าแชร์ข้อมูลความลับไปที่แชทจีพีที เพราะกังวลว่าข้อมูลความลับทั้งหมดจะถูกแชทจีพีทีจดจำและเก็บไปใช้เป็นข้อมูล ทำให้บริษัทเกิดความเสี่ยงหากมีคนเข้าไปถามเรื่องอเมซอนผ่านแชทจีพีที

คนไทยและเมืองไทยจะอยู่บนการมาถึงของแชทจีพีทีกันยังไง ได้รับผลกระทบหรือไม่?

การที่บริษัทยักษ์ใหญ่ออกมาตื่นตัวกันในระดับนี้ แน่นอนว่าแชทจีพีทีจะเป็นตัวสร้างความเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้านของโลก ไม่เว้นรวมถึงประเทศไทยที่จะได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะในวันนี้ดิจิทัลได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแบบไร้รอยต่อแล้ว

ด้านธุรกิจ หากปัญญาประดิษฐ์อย่างแชทจีพีทีถูกนำมาใช้ เพื่อแก้ปัญหาด้านการทำการตลาด การแก้ปัญหาลูกค้า การวิเคราะห์ข้อมูล ก็จะเกิดผลกระทบด้านการจ้างงาน เพราะองค์กรไม่จำเป็นต้องใช้คนมากมาย แต่สามารถพึ่งพาผู้ช่วยอย่างแชทจีพีทีเข้ามาทำงานแทนคนได้ หรือแม้กระทั่งความต้องการในตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ก็อาจจะลดลงไป เมื่อแชทจีพีทีสามารถเขียนโค้ดได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที

ในแง่การศึกษา ปัจจุบันเด็กยังต้องค้นหาข้อมูลด้วยตนเอง บางครั้งต้องใช้เวลาวิเคราะห์ข้อมูลหลายวัน แต่แชทจีพีทีกลับเข้ามาช่วยหาคำตอบได้ง่ายขึ้นเร็วขึ้นและมีเหตุมีผลกับทุกการตอบคำถาม การเรียนการสอนก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไป ครูที่ปรับตัวไม่ทันกับเทคโนโลยีจะมีแนวโน้มตกงานมากขึ้น

งานด้านคอนเทนต์ต่างๆ เช่น งานแปลภาษา ที่แชทจีพีทีจะเข้ามาช่วยตีความให้ตรงกับความเข้าใจกับจุดประสงค์ของผู้พูด และไม่เว้นแม้แต่การเข้ามาช่วยเขียนบทความ อย่างที่เราทำกันอยู่ในทุกวันนี้ นักเขียนจะทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น แต่นั่นก็หมายความว่า เราไม่จำเป็นต้องใช้นักเขียนมากมายในองค์กรอีกต่อไป เพราะแชทจีพีทีจะเข้ามาช่วยเขียนได้อย่างรวดเร็ว

ยังไม่นับรวมอีกหลายอาชีพที่อาจจะได้รับผลกระทบจากปัญญาประดิษฐ์ตัวนี้ในอนาคตอีกด้วย

ทั้งนี้ การพัฒนาแชทจีพีทียังเป็นแค่เพียงช่วงเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนี้คงจะมีอะไรออกมาเซอร์ไพรส์อีกมากมาย ส่วนเราในฐานะผู้ใช้คงจะต้องติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด จะได้ไม่ตกเทรนด์และหาวิธีใช้ประโยชน์จากมันให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้เป็นผู้อยู่รอดจากโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้ในระยะยาว

BTimes